วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

***ผู้เขียนไม่ได้เขียนบทความนี้นะครับผมไม่ทราบใครเขียนเก็บไว้เป็นหลักฐาน...บนวิถีทางความเปลี่ยนแปลง

คำถามคาใจ....ถึงผู้ยังฝักไฝ่เสนา-อำมาตย์ 

- ถึงวันนี้ ผมได้ลิ้มรสชาติของประชาธิปไตยที่บรรดาที่เรียกตัวเองว่าไพร ต่อสู้-ดิ้นรน เรียกร้องให้ได้มา โดยนับแต่รัฐประหาร ปี 2549 เป็นต้นมา สิ่งที่ผมปฎิเสธตัวเองไม่ได้นั้นคือความจริงที่ว่า..ในความหมายของคำว่าประชาธิปไตยแท้จริงแล้วหมายความว่าอย่างไร จากที่ผมเดินตามหลังนักประชาธิปไตยรุ่นเก่าก่อน ได้เห็นการต่อสู้ ต้อต้าน เรียกร้องให้ได้ประชาธิปไตยมา ถึงกับยอมเสียเลือด เสียเนื้อ เพื่อเป็นนักสู้แห่งวิถีประชาธิปไตย ผมต้องยอมรับครับผม ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ฮึกเหิม และมีพลังอำนาจ ผมในวันนี้ก็ยอมตายได้เพื่อคำว่าประชาธิปไตย 
- วันนี้ก็ตั้งใจจะไปร่วมกลุ่มกับเขา แต่ติดภาระหน้าที่ส่วนตัวจนนอนเกือบเช้า ตื่นมาก็งัวเงีย จะไปดีไม่ไปดีกลัวที่บ้านดุว่าอยู่ไม่ติดบ้าน 
- ภาพนักสู้แห่งประชาธิปไตยลอยวนเวียนตรงหน้า เพราะที่ผ่านมาผมเป็นประชาชนธรรมดา กินข้าวแกงมื้อละสิบยี่สิบบาท บ้านก็อยู่ในดงสลัม สภาพแวดล้อมมีแต่อาชญากรรมทั้งนั้น เรียกว่าผิดศีลกันได้ทุกข้อ รวมถึงข้อกำหนดตามกฎหมายด้วย ผมกินข้าววัดมาตั้งแต่เท่าลูกหมา เรียนโรงเรียนวัด เดินตลาดนัด ตรอกวัดกับทด(ประตูน้ำ)เป็นสถานที่อโคจรของผม ผมไม่ได้รับอนุญาติให้ไปโดดน้ำเล่นกับเพื่อนข้างนอก ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปดูหนังขายยา หนังกลางแปลง ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นของเล่นแม้แต่ตุ๊กตาสักตัว เพื่อนเล่นผม คือกระดาษ ปากกา อยากได้อะไรก็วาดเอา นึกเอง หรือไม่ก็ปั้นเอา ดินเหนียวครับ หรือดินน้ำมันก็หรูแล้ว ผมได้รับมอบหมายจากผู้ผกครองว่าจงเฝ้าบ้าน ไม่มีอะไรก็นอนหลับอยู่ในบ้าน เพื่อนสมัยประถมที่เรียนด้วยกันมา วัดรังสิตนี้เองครับ จบป.6 ก็แยกย้ายมีครอบครัว มีเหย้าเรือนกันตั้งแต่นั้น เดี๋ยวนี้กระเตงลูก ร้องจ้ากันทุกคน 
ทั้งรุ่น สามห้องเรียน เหมือนว่าจะมีเรียนต่อกันไม่กี่คน ที่เหลือก็รับจ้างแบกหาม เป็นกรรมกร ติดยา ขายยา เก็บผักเก็บหญ้า ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวไปตามมีตามกรรม ไม่ค่อยได้ดีหรอกครับ 
- ผมที่ยังอยู่รอดนั่งกินข้าว ดูทีวี ใช้ชีวิตปกติ ได้นี้ก็ต้องขอบคุณหนังสือ+ตำราที่กองเป็นพะเนินในห้องหลังบ้าน นั่นเป็นสมบัติทั้งหมดที่ผมมี ผมหวงห้องผมมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าห้อง เก็บตัว ชอบดับไฟอ่านหนังสืออยู่มืดๆ จะมีเสียงบ้างก็คงเป็นเสียงร้องเพลงตามประสา หรือไม่ก็เสียงวิทยุ" การศึกษา"สำหรับเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีสตางค์มากมาย มันสำคัญและยิ่งใหญ่มากมายขนาดไหน สำหรับคนมีสตางค์ เรียบจบโท จบตรี จบด็อกเตอร์คงจินตนาการไม่ได้ แต่คุณเชื่อเถอะการศึกษาเปลี่ยนแปลงคนได้ทั้งชีวิต !! 
- เด็กๆของคุณจะรักเรียน ไม่รักเรียน ก็ดีแต่เขาก็มีสังคมให้ฝึกฝน ทดลองอยู่ ทดลองใช้ชีวิต ได้เรียน เขียน อ่าน และฟัง จากเสียงเจี๊ยวจ้าวในโรงเรียนนี่แหละครับ มันก่อเกิดอุปนิสัยได้ ก็มันโดนบังคับให้อยู่อย่างนั้นตั้ง หกปี ไม่เกิด ไม่มี ก็เลี่ยงไม่ได้ การเก็บตัวทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เป็นไปอย่างทรมาณมาก มันเจ็บปวดเมื่อต้องเข้าสังคม ผมเห็นมาตรการยกเลิกเรียนฟรี แล้วผมถึงกับถอนใจเฮือก นั่นมันสวรรค์ของผมเลยนะคุณรู้มั้ย การได้เรียนหนังสือฟรีถือเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ แล้วถ้าคุณมีความสามารถที่จะทำได้ สร้างกุศลเหล่านั้นได้ คุณจะใจร้ายไม่ให้อีกหรือครับผม ทุกวันนี้ ผมยอมรับว่าเพื่อนฝูงในโลกไซเบอร์เป็นอะไรที่ผมขาดไม่ได้ เหมือนผมได้มาสร้างโลกใบใหม่ของตัวเองไว้ที่นี่ ด้วยสองมือเปล่า บวกสมองน้อยๆ เรียนแค่เอาอยู่นั่นแหละครับ แต่มันทำให้ผมยิ่งเก็บตัว หมกมุ่นอยู่กับโลกที่ตัวเองสร้างในโทรศัพท์ แท็บเล็ตพีซี ไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา ของการศึกษาเด็กไทยหรอกครับผม ผมการันตี 101% อุปกรณ์ นวัตกรรมที่คนเพียรสร้างขึ้นให้โลกทันสมัยนั้น ไม่อบอุ่นเหมือนวงแขนและอ้อมกอดคนข้างๆหรอกครับ เทียบกันไม่ได้เลย แค่คุณพ่อแม่ให้กอด ให้หอม มีเพื่อนให้เดินจับมือ เคียงบ่า เคียงไหล่ ความรู้สึกภายในที่สำผัสได้มันแตกต่างกันมากทีเดียว เมื่อวันนี้คนยังมีศาสนา แต่พยายามทุกวิถีที่จะบูชาวัตถุ สิ่งปลูกสร้าง รูปเคารพ มันต่างจากงมงายแค่เส้นด้ายบางๆเองครับผม ถ้าตาคุณไม่ดี มองไม่เห็น เผลอสติ จบเห่เลยนะครับ จากงมงายก็บ้าน่ะสิครับผม ผมเป็นเหมือนตราบาปของตนเอง เพราะผมดูแลของผมมากับมือ เป็นรักแท้ของผมแต่ผมดูแลไว้ไม่ได้ ผมไม่อยากอ้างหรือกล่าวหาสังคมหรอกครับ เพราะมันเป็นสิงแวดล้อม ก็เปรียบเสมือนธรรมชาติที่เลี่ยงไม่ได้ เช้าตื่นลืมตาคุณก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน แต่ผมชอบโลกของผม มันเงียบสงบ ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีใครทะเลาะตบตีกัน ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีการปกครอง ไม่มีเพื่อน มีแต่ความเหงา กับความเงียบ ตลอดมาสามสิบกว่าปี มองผม...แล้วอยากให้ลูกหลาน บุตรชาย บุตรสาว ทายาทตัวน้อยๆของคุณ แบกโลกไว้ทั้งใบ จมอยู่กับความทุกข์ที่มืดและเหงา ไม่มีใครเลยแม้แต่ตัวเอง เป็นเพื่อน ร่วมทุกข์ร่วมสุข จับมือตัวเอง นอนกอดตัวเอง ไม่ใช่จินตนาการนะครับ ชีวิตจริง ตัวเป็นๆ คุณยอมรับที่จะให้มันเกิดกับเด็กๆของคุณได้จริงๆหรือ 
- ตราบใดที่คุณยังต้องเวียนว่ายตายเกิดใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ยังต้องหาเลี้ยงตนเอง ประกอบอาชีพแลกข้าวปลาอาหาร ต้องทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกันเป็นสังคม คุณหยุดใช้จินตนาการ ผมกล้าพอที่จะท้าทาย ไม่มีใครเข้าถึงโลกมืดๆดำๆใบนั้นที่ผมพยายามเล่าให้ฟังหรอกครับผม ต่อให้คุณเรียกตนว่าอัมมาตย์หรือไพร่ ผมกล้าเอาศีรษะ เป็นเดิมพัน แถมฟันธง101 % 
- ถามคุณวันนี้กล้าพอที่จะเรียกตัวว่าไพร่-อัมมาตย์ เรียกตนว่าเป็นผู้กล้าแห่งวิถีประชาธิปไตย ต่อสู้ รบราฆ่าฟันกันเองเพื่อวิถีแห่งระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง พรรคพวกตัวเอง กลุ่มวาทะแห่งคมหอกคมดาบของตัวคุณเองได้อย่างเต็มภาคภูมิใจอีกหรือไม่ ถ้าผมกล้าพอที่จะยืนยันและยอมรับกับพวกคุณว่าผมคือตัวอย่าง 
ชีวิตที่ดีที่สุดของสังคมไทยแล้ว ยังมีชีวิตที่บัดซบกว่านี้อีกมากในสังคมไทย บัดซบชนิดที่ว่าพวกคุณจินตนาการไม่ถึงเลยก็ว่าได้ สังคมที่ยังมีการต่อต้านอำนาจรัฐ สังคมประชาธิปไตย สังคมแห่งโลกใหม่ คุณมองเห็นความมึดบอดในใจบ้างหรือไม่ บทเรียนคำคม ถ้อยวาจาสุภาษิตที่อ่านแล้วฟังดูดี เตือนสติคนที่เห็นเต็มไปหมด ทุกหลักศาสนา ปรัชญา และตรรกะ รวมถึงศาสตรทุกแขนงด้วย คุณจะหยิบยกมาวางไว้หน้าเพจ แต่งหน้าบ้านในเฟสบุ้คให้ดูดีอย่างไร ก็เปลี่ยนคนในสังคมไม่ได้หรอกครับถ้าเขาไม่เคยเปิดใจ รับมันไว้ในใจ เข้าใจถึงคุณค่าและประโยชน์ของถ้อยคำแต่ละถ้อยคำในประโยคเหล่านั้นอย่างแท้จริง ได้ลิ้มรส สำผัสความบัดซบทางความคิดของการมีชีวิตในสังคมที่ล้มเหลวบนโลกใบนี้ ที่มีอยู่จริง ในขณะที่พวกคุณหัวเราะมีความสุขกับสวรรค์ วิมานทางความคิดแห่งบัณฑิต และผู้ปัญญาชนทั้งหลาย ความทุกข์ที่เลวร้ายบัดซบที่สุดที่ยังมีในโลกใบนี้จริงจินตนาการไม่ได้หรอกครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น