เป็นจุดขายกันมานาน คำกล่าวว่า ทุนนิยมก้าวหน้าดีกว่าศักดินาล้าหลัง
กับการปลูกฝังระบบนายทุนเข้าไปในหัวประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้
กับระบบศักดินาเพราะคิดว่ามันล้าหลัง พอเถอะครับ วันนี้ผมคงไม่มาเถียงว่าใครจะเป็นอำมาตย์
ใครเป็นไพร่ ใครดีกว่า ใครล้าหลังมันไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะยุคสังคมนิยม
มนุษย์นิยม รัฐนิยม ปฏิบัตินิยม จนถึง ทุนนิยม ผมก็เห็นนักการเมืองดื่มไวน์ขวดละเป็นหมื่น
กินอาหารมื้อละเป็นแสน ก็อดนึกถึงพี่น้องประชาชนที่ยากจนหลงเชื่อ
ลุกขึ้นมาต่อสู้แทนพวกทุนนิยมพวกนี้ ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้ออยู่แล้ว...ถึงเวลาที่ประชาชนควรจะรู้เท่าทันนักการเมืองและถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองจะต้องเปลี่ยน
Attitude ของการคิดแบบนักการเมืองเก่าๆเสียที
เพราะเวลานี้ ไส้พุงของการเป็นนักการเมืองน้ำเน่านั้นมันส่งกลิ่นเหม็นกำจายไปทั่วจนคนเขารู้เท่าทันกันหมดแล้ว
โดยเฉพาะภาพลวงตาแบบนนโยบายประชานิยม หรือแม้กระทั่งการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายซึ่งเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มนักการเมืองและนักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์เชิงต่างตอบแทนระหว่างกันและกัน
พรรคการเมืองซึ่งต้องการทรัพยากรด้านการเงินและคะแนนเสียงสนับสนุนเพื่อให้ชนะเลือกตั้งจะรับการสนับสนุนด้านการเงินและการเป็นฐานคะแนนเสียงจากกลุ่มธุรกิจ
เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้ว พรรครัฐบาลก็จะดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มธุรกิจที่เป็นพันธมิตรของตนเป็นการตอบแทน
เช่นให้สิทธิพิเศษด้านภาษีอากร ยกเว้น หรือ ลดหย่อนภาษี สิทธิพิเศษด้านการค้า
การสัมปทาน การประมูล การรับเหมาโครงการก่อสร้าง เป็นต้นลักษณะเฉพาะของประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งของไทยที่ผ่านมาก็คือสส.หรือนักการเมืองจะทำหน้าที่ดึงเอาทรัพยากร
งบประมาณ จากส่วนกลางไปไว้ในส่วนภูมิภาค ท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งเข้าตัวเองด้วย
มากขึ้น ชาวบ้านตามท้องถิ่นต่างๆตระหนักว่าตนเองมีอำนาจต่อรองผลประโยชน์ทางวัตถุโดยตรงและโดยอ้อมจากศูนย์กลางกลางโดยผ่านสส.หรือนักการเมืองมากขึ้น
โดยเริ่มจากเงินซื้อเสียงและนำไปสู่นโยบายประชานิยมโดยตรงในปัจจุบัน
ท่านต้องคิดใหม่ ทำใหม่
เป็นนักการเมืองน้ำดีเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนให้ได้ สร้างความกนดีอยู่ดี ความสงบปลอดภัย
ให้ความยุติธรรมให้กับสังคม ช่วยกันรักษาความชอบธรรมของคนไว้ให้ได้ เลิกอ้างว่าการเลือกตั้งคือการแสดงออกถึงการเป็นประชาธิปไตยเพราะการเลือกตั้งเป็นเพียงข้อกำหนดที่น้อยที่สุดของการเท่าเทียมกันในทางการเมืองเท่านั้น
หากแต่กระบวนการประชาธิปไตยต่างหากคือสิ่งที่นักการเมืองควรให้ความใส่ใจควบคู่ไปกับนโยบายสาธารณะ
อย่าได้คิด อย่าได้ทำ
หรือชี้นำนโยบายแบบเดิมๆมามอมเมาประชาชนหรือชาวบ้านให้ต้องวาดฝันในอากาศอีกต่อไป
เพื่อท่านจะได้เป็นนักการเมืองน้ำดี นักการเมืองยุคใหม่ นักการเมืองที่มีทัศนะวิสัยดีต่อเสถียรภาพของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ไม่ใช่นักการเมืองที่หวังเพียงซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาโกงกินเงินแผ่นดินอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น