วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทำความรู้จักกับมนุษย์

 (คัดจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

         คน หรือ มนุษย์ สามารถนิยามได้ทั้งในทางชีววิทยา, ทางสังคม และทางเจตภาพ (spirituality)ในทางชีววิทยานั้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิด Homo sapiens(ภาษาละติน: "มนุษย์ผู้รู้") ซึ่งจัดเป็นไพรเมตยืนสองขาชนิดหนึ่งในวงศ์ใหญ่  Hominoidea ร่วมกับลิงไม่มีหางหรือวานรอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ลิงชิมแปนซี, ลิงกอริลลา, ลิงอุรังอุตัง และชะนี

          มนุษย์มีลำตัวตั้งตรงซึ่งทำให้รยางค์คู่บนว่างลงและใช้จัดการวัตถุสิ่งของต่างๆ ได้มนุษย์ยังมีสมองซึ่งพัฒนาอย่างมากและมีความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม,การพูด, การใช้ภาษา และการใคร่ครวญในด้านพฤติกรรม ความเป็นมนุษย์นิยามด้วยการใช้ภาษา; การจัดโครงสร้างสังคมอันซับซ้อนในรูปของกลุ่ม, ชาติ, รัฐ และสถาบัน; และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ของมนุษย์ก่อให้เกิดวัฒนธรรมนับหมื่นนับพันวัฒนธรรม ซึ่งยึดถือความเชื่อ, ตำนาน, พิธีกรรม, คุณค่า และปทัสฐานทางสังคมต่างๆ กันไป

         ความตระหนักถึงตนเอง, ความใคร่รู้ และการใคร่ครวญของมนุษย์ ตลอดจนความโดดเด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายธรรมชาติและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทั้งในทางวัตถุธรรมและในทางนามธรรม คำอธิบายในทางนามธรรมนั้นจะเน้นมิติทางเจตภาพของชีวิต และอาจรวมถึงความเชื่อในพระเป็นเจ้า, เทพเจ้า หรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ตลอดจนแนวคิดเรื่องวิญญาณ ความพยายามที่จะสะท้อนภาพตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นพื้นฐานของความคิดทางด้านปรัชญา และมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ

เผ่าพันธุ์มนุษย์ 

      ปัจจุบัน มนุษย์ถูกจัดอยู่ในสปีชีส์เดียวกัน คือ Homo sapiens sapiens นักมานุษยวิทยาแบ่งมนุษย์ออกเป็น 5 เผ่าพันธุ์ คือ

     1.ออสเตรลอยด์ (australoids) ศีรษะยาว จมูกแบน ผมเป็นลอน ขนตามตัวมาก ผิวดำ ได้แก่
คนพื้นเมืองของออสเตรเลีย และเกาะแทสมาเนีย

     2.คอเคซอยด์ (caucasoids) จมูกโด่ง ผมเป็นลอน หนวดเคราดก ผมยาว ผิวสีอ่อน
ดำรงชีวิตอยูในเขตอบอุ่น คือยุโรป เมดิเตอเรียเนียน (mediteraneans) ยุโรปเหนือ
(nordics) และพวกยุโรปกลางต่อไปยังรัสเซีย (alpines)

     3.มองโกลอยด์ (mongoloids) ศีรษะกว้าง จมูกแก้มเป็นโหนก ผมแข็งเหยียดตรง จมูกไม่
โด่งมาก ผิวเหลืองหรือแดง หนวดเคราและขนตามร่างกายมีน้อย ไอคิวเฉลี่ยสมัยใหม่กลับ
ด้อยลงมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น และไม่ได้รับความนิยมในโลกสากล เพราะชาวยุโรปมองว่า
mongoloids เป็นชนชาติที่อ่อนแอ และ มีใบหน้าที่ ด้อยที่สุดในบรรดาสายพันธุ์มนุษย์Human
อาศัยอยู่ตามเอเชียตะวันออก เอสกิโม (eskimo) คนไทย และอินเดียนในอเมริกา
(american indians)

     4.นิกรอยด์ (negroids) ศีรษะยาวจมูกกว้าง ริมฝีปากหนา ผิวดำ ผมหยิก ไอคิวเฉลี่ย
สมัยนี้ก้าวหน้าดีกว่าเผ่าพันธุ์อื่น อาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนคองโก (african negroes) คน
ป่าซูลู (zulu) เผ่าแคฟเฟอร์ (kaffir) คนผิวดำตามมหาสมุทรแปซิฟิกของนิวกินี
(oceanic negroes new guinea) พวกนี้ปัจจุบันเป็นคนที่ได้รับความนิยมสูงมากใน
อเมริกา และยุโรป เรียกว่า ทีวี ใน อเมริกา ต่างเอา negroids มาออกทีวีตลอด
24 ชั่วโมง

     5.ปิกมี่ (pygmies) เป็นคนแคระสูงไม่ถึง 145 ซม ศีรษะกว้าง จมูกกว้าง อาศัยอยู่ในป่าเขต
ร้อนของคองโก (congo) และชามอด (chamod)

มนุษย์จากคัมภีร์ไบเบิล 
      เชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน โดยพระเจ้าในวันที่ 6 มนุษย์ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการทรงสร้างของพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง วัตถุประสงค์ในการสร้างมนุษย์ของพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเรา เปรียบเสมือนพ่อที่มีลูก ย่อมอยากรู้จักและสัมพันธ์กับลูก แต่พ่อที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถปั้นลูกด้วยตนเองได้แต่พ่อที่เป็นพระเจ้าสามารถทำได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำกัด (limit) เช่นเดียวกันกับมนุษย์ เช่นพระองค์อยู่ในหลายที่ได้พร้อมกัน แต่มนุษย์ต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น หรือมนุษย์สามารถรับรู้แต่สิ่งที่จับต้องได้ ตามองเห็น แต่พระเจ้าไม่จำเป็น ในความเป็นมนุษย์บางครั้งเรายังรู้ว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นมีจริง เช่น วิญญาณ เรารู้ว่ามนุษย์มีวิญญาณภายใน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหนและตายแล้วไปไหน พระคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉาย คือเหมือนการส่องกระจก แต่ "เหมือน" ในที่นี้ไม่ใช่ในรูปลักษณ์ภายนอก แต่เหมือนในการตัดสินใจ ผิดชอบชั่วดี ( นี่คำอ้างจากคัมภีร์ไบเบิลที่มนุษย์สร้างเองขึ้นมาไม่ใช้คัมภีร์ไบเบิลจริงที่มาจากพระเยซู )

      มนุษย์เคยใกล้ชิดพระเจ้าทุกวัน แต่เนื่องจากทำบาป จึงทำให้ไม่สามารถอยู่กับพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้าบริสุทธิ์ มนุษย์จึงต้องแยกจากพระเจ้า เพราะแม้พระเจ้าจะบริสุทธิ์ แต่พระองค์ก็ยุติธรรม และเป็นความรักด้วย ในข้อท้ายนี้ ที่สำคัญ ความยุติธรรมของพระเจ้าทำให้พระเจ้าต้องลงโทษมนุษย์ และต้องแยกจากมนุษย์ แต่เพราะความรักที่มีมากของพระเจ้า พระองค์จึงทรงหาทางช่วยเหลือ โดยการส่งตัวของพระองค์เองลงมา เพื่อช่วยให้มนุษย์รอดจากการถูกลงโทษ คนๆนั้นก็คือ Jesus หรือพระเยซู ที่เกิดในค.ศ. 1 ประเทศอิสราเอล และฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3

     มนุษย์ (ในมุมมองของคริสเตียน) เป็นคนบาปโดยกำเนิดอยู่แล้ว ไม่ใช่เราทำบาปเลยบาป แต่เพราะเราเป็นคนบาปเลยทำบาปเราอาจดูได้จากตัวอย่างในใจที่อิจฉาริษยาของเรา ที่บางครั้งเราก็ไม่อยากให้มี แต่เราก็ทำไม่ได้ มนุษย์อ่อนแอและจำกัด แต่พระเจ้าทรงรู้ถึงข้อนี้ จึงส่งพระเยซูลงมาตายบนไม้กางเขนเพื่อมาช่วยเรา พระเยซูคงเป็นมนุษย์ธรรมดา หากไม่ฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 และในทุกวันนี้ คนทั่วโลกพยายามหาหลุมศพของพระเยซู แต่ก็ไม่เจอ และถ้าเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูโดยการอธิษฐาน ในฐานะมนุษย์ เราก็สามารถกลับคืนดีกับพระเจ้าได้เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

               ภาพประกอบจาก  www.oknation.net/blog/knowislam/.../entry-1
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น