(คัดจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) คน หรือ มนุษย์ สามารถนิยามได้ทั้งในทางชีววิทยา, ทางสังคม และทางเจตภาพ (spirituality)ในทางชีววิทยานั้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิด Homo sapiens(ภาษาละติน: "มนุษย์ผู้รู้") ซึ่งจัดเป็นไพรเมตยืนสองขาชนิดหนึ่งในวงศ์ใหญ่ Hominoidea ร่วมกับลิงไม่มีหางหรือวานรอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ ลิงชิมแปนซี, ลิงกอริลลา, ลิงอุรังอุตัง และชะนี มนุษย์มีลำตัวตั้งตรงซึ่งทำให้รยางค์คู่บนว่างลงและใช้จัดการวัตถุสิ่งของต่างๆ ได้มนุษย์ยังมีสมองซึ่งพัฒนาอย่างมากและมีความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงนามธรรม,การพูด, การใช้ภาษา และการใคร่ครวญในด้านพฤติกรรม ความเป็นมนุษย์นิยามด้วยการใช้ภาษา; การจัดโครงสร้างสังคมอันซับซ้อนในรูปของกลุ่ม, ชาติ, รัฐ และสถาบัน; และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนความแตกต่างทางพฤติกรรมเหล่านี้ของมนุษย์ก่อให้เกิดวัฒนธรรมนับหมื่นนับพันวัฒนธรรม ซึ่งยึดถือความเชื่อ, ตำนาน, พิธีกรรม, คุณค่า และปทัสฐานทางสังคมต่างๆ กันไป ความตระหนักถึงตนเอง, ความใคร่รู้ และการใคร่ครวญของมนุษย์ ตลอดจนความโดดเด่นกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ก่อให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายธรรมชาติและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ทั้งในทางวัตถุธรรมและในทางนามธรรม คำอธิบายในทางนามธรรมนั้นจะเน้นมิติทางเจตภาพของชีวิต และอาจรวมถึงความเชื่อในพระเป็นเจ้า, เทพเจ้า หรือสิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ตลอดจนแนวคิดเรื่องวิญญาณ ความพยายามที่จะสะท้อนภาพตัวเองของมนุษย์นั้นเป็นพื้นฐานของความคิดทางด้านปรัชญา และมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคแรกๆ
เผ่าพันธุ์มนุษย์
1.ออสเตรลอยด์ (australoids) ศีรษะยาว จมูกแบน ผมเป็นลอน ขนตามตัวมาก ผิวดำ ได้แก่ คนพื้นเมืองของออสเตรเลีย และเกาะแทสมาเนีย 2.คอเคซอยด์ (caucasoids) จมูกโด่ง ผมเป็นลอน หนวดเคราดก ผมยาว ผิวสีอ่อน ดำรงชีวิตอยูในเขตอบอุ่น คือยุโรป เมดิเตอเรียเนียน (mediteraneans) ยุโรปเหนือ (nordics) และพวกยุโรปกลางต่อไปยังรัสเซีย (alpines) 3.มองโกลอยด์ (mongoloids) ศีรษะกว้าง จมูกแก้มเป็นโหนก ผมแข็งเหยียดตรง จมูกไม่ โด่งมาก ผิวเหลืองหรือแดง หนวดเคราและขนตามร่างกายมีน้อย ไอคิวเฉลี่ยสมัยใหม่กลับ ด้อยลงมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น และไม่ได้รับความนิยมในโลกสากล เพราะชาวยุโรปมองว่า mongoloids เป็นชนชาติที่อ่อนแอ และ มีใบหน้าที่ ด้อยที่สุดในบรรดาสายพันธุ์มนุษย์ อาศัยอยู่ตามเอเชียตะวันออก เอสกิโม (eskimo) คนไทย และอินเดียนในอเมริกา (american indians) 4.นิกรอยด์ (negroids) ศีรษะยาวจมูกกว้าง ริมฝีปากหนา ผิวดำ ผมหยิก ไอคิวเฉลี่ย สมัยนี้ก้าวหน้าดีกว่าเผ่าพันธุ์อื่น อาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนคองโก (african negroes) คน ป่าซูลู (zulu) เผ่าแคฟเฟอร์ (kaffir) คนผิวดำตามมหาสมุทรแปซิฟิกของนิวกินี (oceanic negroes new guinea) พวกนี้ปัจจุบันเป็นคนที่ได้รับความนิยมสูงมากใน อเมริกา และยุโรป เรียกว่า ทีวี ใน อเมริกา ต่างเอา negroids มาออกทีวีตลอด 24 ชั่วโมง 5.ปิกมี่ (pygmies) เป็นคนแคระสูงไม่ถึง 145 ซม ศีรษะกว้าง จมูกกว้าง อาศัยอยู่ในป่าเขต ร้อนของคองโก (congo) และชามอด (chamod) มนุษย์จากคัมภีร์ไบเบิล เชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน โดยพระเจ้าในวันที่ 6 มนุษย์ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการทรงสร้างของพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง วัตถุประสงค์ในการสร้างมนุษย์ของพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเรา เปรียบเสมือนพ่อที่มีลูก ย่อมอยากรู้จักและสัมพันธ์กับลูก แต่พ่อที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถปั้นลูกด้วยตนเองได้แต่พ่อที่เป็นพระเจ้าสามารถทำได้ พระองค์ก็ไม่ทรงจำกัด (limit) เช่นเดียวกันกับมนุษย์ เช่นพระองค์อยู่ในหลายที่ได้พร้อมกัน แต่มนุษย์ต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น หรือมนุษย์สามารถรับรู้แต่สิ่งที่จับต้องได้ ตามองเห็น แต่พระเจ้าไม่จำเป็น ในความเป็นมนุษย์บางครั้งเรายังรู้ว่าสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นมีจริง เช่น วิญญาณ เรารู้ว่ามนุษย์มีวิญญาณภายใน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหนและตายแล้วไปไหน พระคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉาย คือเหมือนการส่องกระจก แต่ "เหมือน" ในที่นี้ไม่ใช่ในรูปลักษณ์ภายนอก แต่เหมือนในการตัดสินใจ ผิดชอบชั่วดี ( นี่คำอ้างจากคัมภีร์ไบเบิลที่มนุษย์สร้างเองขึ้นมาไม่ใช้คัมภีร์ไบเบิลจริงที่มาจากพระเยซู ) มนุษย์เคยใกล้ชิดพระเจ้าทุกวัน แต่เนื่องจากทำบาป จึงทำให้ไม่สามารถอยู่กับพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้าบริสุทธิ์ มนุษย์จึงต้องแยกจากพระเจ้า เพราะแม้พระเจ้าจะบริสุทธิ์ แต่พระองค์ก็ยุติธรรม และเป็นความรักด้วย ในข้อท้ายนี้ ที่สำคัญ ความยุติธรรมของพระเจ้าทำให้พระเจ้าต้องลงโทษมนุษย์ และต้องแยกจากมนุษย์ แต่เพราะความรักที่มีมากของพระเจ้า พระองค์จึงทรงหาทางช่วยเหลือ โดยการส่งตัวของพระองค์เองลงมา เพื่อช่วยให้มนุษย์รอดจากการถูกลงโทษ คนๆนั้นก็คือ Jesus หรือพระเยซู ที่เกิดในค.ศ. 1 ประเทศอิสราเอล และฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 มนุษย์ (ในมุมมองของคริสเตียน) เป็นคนบาปโดยกำเนิดอยู่แล้ว ไม่ใช่เราทำบาปเลยบาป แต่เพราะเราเป็นคนบาปเลยทำบาปเราอาจดูได้จากตัวอย่างในใจที่อิจฉาริษยาของเรา ที่บางครั้งเราก็ไม่อยากให้มี แต่เราก็ทำไม่ได้ มนุษย์อ่อนแอและจำกัด แต่พระเจ้าทรงรู้ถึงข้อนี้ จึงส่งพระเยซูลงมาตายบนไม้กางเขนเพื่อมาช่วยเรา พระเยซูคงเป็นมนุษย์ธรรมดา หากไม่ฟื้นขึ้นมาในวันที่ 3 และในทุกวันนี้ คนทั่วโลกพยายามหาหลุมศพของพระเยซู แต่ก็ไม่เจอ และถ้าเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูโดยการอธิษฐาน ในฐานะมนุษย์ เราก็สามารถกลับคืนดีกับพระเจ้าได้เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ภาพประกอบจาก www.oknation.net/blog/knowislam/.../entry-1
|
วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ทำความรู้จักกับมนุษย์
วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ลักษณะของคนราศีเมถุน( Gemini)
ราศีเมถุน (Gemini)
ราศีเมถุน (Gemini จากภาษาลาติน แปลว่า ฝาแฝด) เป็นกลุ่มดาวจักรราศีที่ 3 ตามตำราของโหราศาสตร์ตะวันตก อยู่ระหว่างกลุ่มดาวราศีพฤษภและราศีกรกฎ มีสัญลักษณ์เป็นฝาแฝด ช่วงวันที่ครอบคลุมของ ราศีเมถุน นั้น ในแบบสายนะ จะครอบคลุมระหว่าง วันที่ 14 มิถุนายน - 14 กรกฎาคม
ข้อมูลทั่วไป
* สัญลักษณ์ : คนคู่
* อวัยวะ: แขน รวมถึง ปอด เนื่องจากชาวเมถุนเป็นคน 2 บุคลิก แขนจึงเป็นอวัยวะตัวแทนของราศีนี้ เนื่องจากแขนทั้ง 2 ข้างสามารถทำงานแยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง
* ธาตุ : ลม (เช่นเดียวกับ ราศีตุลย์ และ ราศีกุมภ์)
กลุ่ม ราศีธาตุลม จะแสดงถึงความคิด ทัศนคติ และการสื่อสาร เมื่อเข้าคู่กับกลุ่มราศีธาตุอื่นแล้ว ธาตุดินจะบดบังลม ธาตุน้ำจะขวางทางของลม แต่สำหรับการคู่กับธาตุไฟแล้วจะทำให้ลมยกตัวสูงขึ้น และลอยได้ดีขึ้น
* ดาวเคราะห์ : ดาวพุธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสามารถในการสื่อสารของชาวเมถุน เนื่องจากเทพเจ้าประจำดาวพุธ รู้จักอีกในชื่อของเทพแห่งการส่งสาร(เช่นเดียวกับ ราศีกันย์)
* คุณสมบัติ: ผันแปร หรือ กลุ่ม 2 ลักษณะ (เช่นเดียวกับ ราศีกันย์ ราศีธนู และ ราศีมีน)
กลุ่ม ราศีผันแปรคือ กลุ่มของราศีที่อยู่ในช่วงที่ฤดูกาลกำลังเปลี่ยน ซึ่งทำให้ลักษณะนิสัยของกลุ่มชาวราศีนี้มีหลายบุคลิก สามารถปรับตัวได้เก่ง และแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี สำหรับราศีเมถุน อยู่ในช่วงที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่จากช่วงฤดูหนาวไปยังฤดู ร้อน นอกจากนั้นสัญลักษณ์ของราศีเมถุนแสดงถึงความเป็น 2 ลักษณะโดยมีสัญลักษณ์เป็นฝาแฝดอย่างชัดเจน
* เพศ: ชาย หรือ กลุ่ม บวก (เช่นเดียวกับ ราศีตุลย์ และ ราศีกุมภ์ ซึ่งอยู่ธาตุลมด้วยกัน รวมถึง กลุ่มราศีธาตุไฟซึ่งประกอบด้วย ราศีเมษ ราศีสิงห์ และ ราศีธนู)
กลุ่ม ราศีเพศชายหรือราศีกลุ่มบวก จะมีลักษณะนิสัยชอบเข้าสังคม รักเพื่อนฝูง ชอบทำงาน ไม่ชอบยึดติด มุ่งที่จะข้างหน้า แต่ในทางกลับกันกลับขาดความเห็นอกเห็นใจ และอารมณ์รุนแรง
* ลักษณะนิสัย: แบบส่วนตัว (เช่นเดียวกับ ราศีเมษ ราศีพฤษภ และ ราศีกรกฎ)
ชาว ราศีเมถุนมีบุคลิก 2 แบบ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีคือ ฝาแฝด เนื่องจากชาวราศีเมถุนมีหลายบุคลิก ทำให้มีความสามารถเกี่ยวกับการสื่อสารเป็นพิเศษ และออกสังคมเก่ง รวมถึงความสามารถในการใช้ความคิด ชาว Gemini ยังมีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆด้วย แต่เนื่องจากเหมือนคน 2 คนในร่างเดียวทำให้ในบางครั้งชาวราศีเมถุนตัดสินใจลำบาก กลายเป็นคนหลายจิตหลายใจ โลเล ไม่แน่นอน อารมณ์ไม่คงที่ คนรอบข้างจะไม่สามารถตามอารมณ์และบุคลิกของเขาหรือเธอได้ทัน
ความรักของคนเกิดราศีเมถุน
เนื่อง จากคนที่เกิดราศีเมถุน จะเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรียว ดังนั้นในเรื่องของความรักคนที่เกิดราศีนี้ มักจะชอบคบกับคนที่มีความตื่นตัว และว่องไว และคนที่จะคบกับชาวราศีนี้ จะต้องเป็นคนที่ทันคน มีปฏิภาณไหวพริบที่ดี คิดได้ฉับไว และที่สำคัญต้องปล่อยให้เขามีความเป็นอิสระบ้าง เพราะว่าคนที่เกิดราศีเมถุน จะรักความเป็นอิสระ และถ้าคุณคือคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว เขาก็จะรักและให้ความซื่อสัตย์กับคุณ
ชะตาชาวเมถุน ปี 2010
เป็นปีที่ต้องระวังยิ่งนัก ถ้าเรารู้ว่าจะมีเคราะห์ ต้อง ฟังด้วยความระมัดระวัง และวางแผนชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ข้อมูลทางโหราศาสตร์ บอกว่า คนที่เกิดในราศีเมถุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดวงดีเหลือเกิน รุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จ คนในวงการบันเทิงก็มีงานล้นมือ แต่พอผ่านเข้าปี 2552 ดาว พฤหัสบดีซึ่งเป็นตัวแทนของความสำเร็จ โคจรเป็นมรณะกับดวงชะตา เพราะฉะนั้น ชาว ราศีเม ถุนดวงชะตาจะตกไปตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน หลังจากวันที่ 20 เมษายน ชาวราศีเมถุนดวงชะตาจะค่อยๆดีขึ้นครับ
การเรียน : คนวัยเรียน ช่วงต้นปีจะมีการสอบ ต้องทำใจไว้ครึ่งหนึ่ง ต้องขยันอ่าน หนังสือ ถ้ายังไม่เต็มที่ ขอให้ขยันมากกว่าเดิม 2 เท่า แล้วอย่าหวังอะไรให้มาก
การงาน : คน วัยทำงาน ที่คิดจะลงทุน ขยับขยายการค้าขาย ต้นปีอย่าเพิ่งทำครับ รอ ให้ผ่านสงกรานต์ไปก่อน โดยเฉพาะวันที่ 20 เมษายน ตอนที่ดาวพฤหัสบดียกเข้า ราศี กุมภ์ใน ภพศุภะ แปลว่าเรือนแห่งความสำเร็จ แล้วจะดีไปจนถึงเดือนสิงหาคมครับ หลังจาก นั้น ดวงจะ ตกอีกจนถึงปลายปี ดวงชะตาจะขึ้นๆลงๆ อย่างนี้แหละครับ หลังจากนั้น ชาว ราศีเมถุน จึงต้อง ระวังมากๆ จะทำอะไร อย่าประมาท การเซ็นสัญญา การทำนิติกรรมสัญญา เอกสารทุกประเภท ต้องรอบคอบระมัดระวัง รัดกุม ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจต้องระวังมากขึ้น เป็นร้อยเท่าทวีคณู จะ เชื่อใจใครไม่ได้ จะถูกหลอก จะมีปัญหา
ย้ำ...ดวงตกตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน หลังจากนั้นไปถึงเดือน สิงหาคมจะดวงดีขึ้นครับ ช่วงที่ดีๆ คือปลายเดือนเมษายน จนถึงประมาณวันที่ 11 มิถุนายน เป็นช่วงขาขึ้น หลังจากนั้นจนถึงสิงหาคม ดวงจะลงไปหน่อยแต่ไม่ถึงกับ ตก หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปเริ่มตกอีกครั้งจนถึงปลายปี เรื่องขององค์รวม การ งานก็จะเป็นไปในลักษณะอย่างนี้แหละครับ
การเงิน : การ เงินนี่แปลกครับ จะมีเงินหมุนเวียนให้ใช้ได้ตลอดทั้งปีโดยไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงดวงตก การงานแย่ มีปัญหา แต่มีเงินให้ใช้ แปลว่าถ้าเป็นเงินกู้ยืม หรือบัตร เครดิต จะต้องระมัดระวัง เพราะการมีเงินใช้เป็นคนละเรื่องดวงตก บางคนดวงตกแต่มีเครดิตดี หรือเป็นหนี้เป็นสิน มีเรื่องของรายจ่าย ถ้าพูดถึงสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะ ในช่วงดวงตก ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ดวงตกแต่การเงินดี องค์รวมการงานอะไรแย่หมด แต่การเงินมีหมุนเข้ามาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ชาวราศีเมถุนต้องบริหารเรื่องการเงินอย่างระมัดระวัง เพราะเงินนั้นเข้ามาแล้วก็ออกๆไป ไม่ถึงขนาดเดือดร้อน แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้เป็นกอบเป็น กำครับ ที่สำคัญอย่าให้ใครหยิบยืมสตางค์ คุณจะถูกชักดาบ การสร้างหนี้สินเพิ่มเติมต้องระวัง อาจจะทำให้คุณเดือดร้อน
ความรัก : ความ รักของชาวราศีเมถุนที่ผ่านมาถ้าเจอใครถือว่า เป็นรักแท้ แต่ถ้าปีนี้เจอ ใคร เป็นรักลวง เป็นรักที่คุณจะผิดหวังแล้วอาจจะทำให้ดวงตก สังเกตไหมครับ ชาวราศีเมถุน จะต้องได้คู่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ความสามารถ พอเข้ามาในชีวิตปั๊บ งานดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น แต่ พอคบใครแล้วการงานแย่ ชีวิตแย่ แปลว่านั่นไม่ใช่คู่แท้ ดังนั้น ชาวราศีเมถุนต้องระวังให้ดี โดย เฉพาะตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม จะมีคนเข้ามาในชีวิตแล้วจะทำให้คุณเสียหายเรื่องการงาน
คู่ครองที่แท้จริง บอกแล้วต้องเป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นคนที่มีความรู้ การศึกษาดีและเป็น คนที่อบอุ่น เป็นคนที่สามารถดูแลเราได้ อย่าแต่งงาน อย่าตกลงปลงใจในเรื่องราวของความ รักในปีนี้ เป็นอันขาดมิฉะนั้น จะผิดพลาดและผิดหวัง
สุขภาพและอุบัติเหตุ : ถ้า ดูตามดวงแล้วจะเห็นได้ว่า สุขภาพย่ำแย่ พักผ่อนไม่เพียง พอทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ อาจจะมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชน เพราะหลับใน ต้องระมัดระวังสุขภาพ เกี่ยวกับการรักษาผิดพลาด ถ้าป่วยขอให้ไปตรวจอีก 1 – 2 โรงพยาบาล หรือ 3 โรงพยาบาล แล้วให้คุณหมอที่มีฝีมือรักษา หรือให้ญาติพี่น้องที่รู้จักคุณหมอเป็นการส่วนตัว ตรวจเป็นกรณี พิเศษ โรคที่เกี่ยวกับกระเพาะ ลำไส้ หรือก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบางแห่งในร่างกายโดยที่ไม่รู้ตัว หรือตรวจพบยาก ประการสำคัญ เรื่องเกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆ เกิดเพราะตัวเองเป็นหลัก เช่น หลับใน หรือประมาท ต้องระมัดระวังยิ่งนัก
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมดวงชะตา : ปีนี้ควรไปกราบไหว้ พระแก้วมรกต พระประจำตัวชาวราศีเมถุน และ หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร ที่มีพระองค์โตยืนอุ้มบาตร ซึ่งชาวราศีเมถุน มีพระปางอุ้มบาตรเป็นปางประจำราศีครับ จะเป็นมงคลยิ่งนัก
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา: ชาวราศีเมถุนต้องหาพระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพระที่ป้องกันอุบัติเหตุเภทภัยจากการขับรถยนต์ครับ แคล้วคลาดปลอดภัย ควรพกไว้เพื่อ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล อีกสิ่งหนึ่งคือตะกรุด วัดไหนก็ได้ทำให้แคล้วคลาดจากโพยภัย ทั้งปวง
ราศีเมถุน (Gemini จากภาษาลาติน แปลว่า ฝาแฝด) เป็นกลุ่มดาวจักรราศีที่ 3 ตามตำราของโหราศาสตร์ตะวันตก อยู่ระหว่างกลุ่มดาวราศีพฤษภและราศีกรกฎ มีสัญลักษณ์เป็นฝาแฝด ช่วงวันที่ครอบคลุมของ ราศีเมถุน นั้น ในแบบสายนะ จะครอบคลุมระหว่าง วันที่ 14 มิถุนายน - 14 กรกฎาคม
ข้อมูลทั่วไป
* สัญลักษณ์ : คนคู่
* อวัยวะ: แขน รวมถึง ปอด เนื่องจากชาวเมถุนเป็นคน 2 บุคลิก แขนจึงเป็นอวัยวะตัวแทนของราศีนี้ เนื่องจากแขนทั้ง 2 ข้างสามารถทำงานแยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง
* ธาตุ : ลม (เช่นเดียวกับ ราศีตุลย์ และ ราศีกุมภ์)
กลุ่ม ราศีธาตุลม จะแสดงถึงความคิด ทัศนคติ และการสื่อสาร เมื่อเข้าคู่กับกลุ่มราศีธาตุอื่นแล้ว ธาตุดินจะบดบังลม ธาตุน้ำจะขวางทางของลม แต่สำหรับการคู่กับธาตุไฟแล้วจะทำให้ลมยกตัวสูงขึ้น และลอยได้ดีขึ้น
* ดาวเคราะห์ : ดาวพุธ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความสามารถในการสื่อสารของชาวเมถุน เนื่องจากเทพเจ้าประจำดาวพุธ รู้จักอีกในชื่อของเทพแห่งการส่งสาร(เช่นเดียวกับ ราศีกันย์)
* คุณสมบัติ: ผันแปร หรือ กลุ่ม 2 ลักษณะ (เช่นเดียวกับ ราศีกันย์ ราศีธนู และ ราศีมีน)
กลุ่ม ราศีผันแปรคือ กลุ่มของราศีที่อยู่ในช่วงที่ฤดูกาลกำลังเปลี่ยน ซึ่งทำให้ลักษณะนิสัยของกลุ่มชาวราศีนี้มีหลายบุคลิก สามารถปรับตัวได้เก่ง และแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี สำหรับราศีเมถุน อยู่ในช่วงที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนที่จากช่วงฤดูหนาวไปยังฤดู ร้อน นอกจากนั้นสัญลักษณ์ของราศีเมถุนแสดงถึงความเป็น 2 ลักษณะโดยมีสัญลักษณ์เป็นฝาแฝดอย่างชัดเจน
* เพศ: ชาย หรือ กลุ่ม บวก (เช่นเดียวกับ ราศีตุลย์ และ ราศีกุมภ์ ซึ่งอยู่ธาตุลมด้วยกัน รวมถึง กลุ่มราศีธาตุไฟซึ่งประกอบด้วย ราศีเมษ ราศีสิงห์ และ ราศีธนู)
กลุ่ม ราศีเพศชายหรือราศีกลุ่มบวก จะมีลักษณะนิสัยชอบเข้าสังคม รักเพื่อนฝูง ชอบทำงาน ไม่ชอบยึดติด มุ่งที่จะข้างหน้า แต่ในทางกลับกันกลับขาดความเห็นอกเห็นใจ และอารมณ์รุนแรง
* ลักษณะนิสัย: แบบส่วนตัว (เช่นเดียวกับ ราศีเมษ ราศีพฤษภ และ ราศีกรกฎ)
ชาว ราศีเมถุนมีบุคลิก 2 แบบ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ประจำราศีคือ ฝาแฝด เนื่องจากชาวราศีเมถุนมีหลายบุคลิก ทำให้มีความสามารถเกี่ยวกับการสื่อสารเป็นพิเศษ และออกสังคมเก่ง รวมถึงความสามารถในการใช้ความคิด ชาว Gemini ยังมีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆด้วย แต่เนื่องจากเหมือนคน 2 คนในร่างเดียวทำให้ในบางครั้งชาวราศีเมถุนตัดสินใจลำบาก กลายเป็นคนหลายจิตหลายใจ โลเล ไม่แน่นอน อารมณ์ไม่คงที่ คนรอบข้างจะไม่สามารถตามอารมณ์และบุคลิกของเขาหรือเธอได้ทัน
ความรักของคนเกิดราศีเมถุน
เนื่อง จากคนที่เกิดราศีเมถุน จะเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรียว ดังนั้นในเรื่องของความรักคนที่เกิดราศีนี้ มักจะชอบคบกับคนที่มีความตื่นตัว และว่องไว และคนที่จะคบกับชาวราศีนี้ จะต้องเป็นคนที่ทันคน มีปฏิภาณไหวพริบที่ดี คิดได้ฉับไว และที่สำคัญต้องปล่อยให้เขามีความเป็นอิสระบ้าง เพราะว่าคนที่เกิดราศีเมถุน จะรักความเป็นอิสระ และถ้าคุณคือคนที่ใช่สำหรับเขาแล้ว เขาก็จะรักและให้ความซื่อสัตย์กับคุณ
ชะตาชาวเมถุน ปี 2010
เป็นปีที่ต้องระวังยิ่งนัก ถ้าเรารู้ว่าจะมีเคราะห์ ต้อง ฟังด้วยความระมัดระวัง และวางแผนชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ข้อมูลทางโหราศาสตร์ บอกว่า คนที่เกิดในราศีเมถุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดวงดีเหลือเกิน รุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จ คนในวงการบันเทิงก็มีงานล้นมือ แต่พอผ่านเข้าปี 2552 ดาว พฤหัสบดีซึ่งเป็นตัวแทนของความสำเร็จ โคจรเป็นมรณะกับดวงชะตา เพราะฉะนั้น ชาว ราศีเม ถุนดวงชะตาจะตกไปตั้งแต่ประมาณเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน หลังจากวันที่ 20 เมษายน ชาวราศีเมถุนดวงชะตาจะค่อยๆดีขึ้นครับ
การเรียน : คนวัยเรียน ช่วงต้นปีจะมีการสอบ ต้องทำใจไว้ครึ่งหนึ่ง ต้องขยันอ่าน หนังสือ ถ้ายังไม่เต็มที่ ขอให้ขยันมากกว่าเดิม 2 เท่า แล้วอย่าหวังอะไรให้มาก
การงาน : คน วัยทำงาน ที่คิดจะลงทุน ขยับขยายการค้าขาย ต้นปีอย่าเพิ่งทำครับ รอ ให้ผ่านสงกรานต์ไปก่อน โดยเฉพาะวันที่ 20 เมษายน ตอนที่ดาวพฤหัสบดียกเข้า ราศี กุมภ์ใน ภพศุภะ แปลว่าเรือนแห่งความสำเร็จ แล้วจะดีไปจนถึงเดือนสิงหาคมครับ หลังจาก นั้น ดวงจะ ตกอีกจนถึงปลายปี ดวงชะตาจะขึ้นๆลงๆ อย่างนี้แหละครับ หลังจากนั้น ชาว ราศีเมถุน จึงต้อง ระวังมากๆ จะทำอะไร อย่าประมาท การเซ็นสัญญา การทำนิติกรรมสัญญา เอกสารทุกประเภท ต้องรอบคอบระมัดระวัง รัดกุม ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจต้องระวังมากขึ้น เป็นร้อยเท่าทวีคณู จะ เชื่อใจใครไม่ได้ จะถูกหลอก จะมีปัญหา
ย้ำ...ดวงตกตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน หลังจากนั้นไปถึงเดือน สิงหาคมจะดวงดีขึ้นครับ ช่วงที่ดีๆ คือปลายเดือนเมษายน จนถึงประมาณวันที่ 11 มิถุนายน เป็นช่วงขาขึ้น หลังจากนั้นจนถึงสิงหาคม ดวงจะลงไปหน่อยแต่ไม่ถึงกับ ตก หลังจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปเริ่มตกอีกครั้งจนถึงปลายปี เรื่องขององค์รวม การ งานก็จะเป็นไปในลักษณะอย่างนี้แหละครับ
การเงิน : การ เงินนี่แปลกครับ จะมีเงินหมุนเวียนให้ใช้ได้ตลอดทั้งปีโดยไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงดวงตก การงานแย่ มีปัญหา แต่มีเงินให้ใช้ แปลว่าถ้าเป็นเงินกู้ยืม หรือบัตร เครดิต จะต้องระมัดระวัง เพราะการมีเงินใช้เป็นคนละเรื่องดวงตก บางคนดวงตกแต่มีเครดิตดี หรือเป็นหนี้เป็นสิน มีเรื่องของรายจ่าย ถ้าพูดถึงสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะ ในช่วงดวงตก ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ดวงตกแต่การเงินดี องค์รวมการงานอะไรแย่หมด แต่การเงินมีหมุนเข้ามาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ชาวราศีเมถุนต้องบริหารเรื่องการเงินอย่างระมัดระวัง เพราะเงินนั้นเข้ามาแล้วก็ออกๆไป ไม่ถึงขนาดเดือดร้อน แต่ก็ไม่สามารถเก็บได้เป็นกอบเป็น กำครับ ที่สำคัญอย่าให้ใครหยิบยืมสตางค์ คุณจะถูกชักดาบ การสร้างหนี้สินเพิ่มเติมต้องระวัง อาจจะทำให้คุณเดือดร้อน
ความรัก : ความ รักของชาวราศีเมถุนที่ผ่านมาถ้าเจอใครถือว่า เป็นรักแท้ แต่ถ้าปีนี้เจอ ใคร เป็นรักลวง เป็นรักที่คุณจะผิดหวังแล้วอาจจะทำให้ดวงตก สังเกตไหมครับ ชาวราศีเมถุน จะต้องได้คู่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ความสามารถ พอเข้ามาในชีวิตปั๊บ งานดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น แต่ พอคบใครแล้วการงานแย่ ชีวิตแย่ แปลว่านั่นไม่ใช่คู่แท้ ดังนั้น ชาวราศีเมถุนต้องระวังให้ดี โดย เฉพาะตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม จะมีคนเข้ามาในชีวิตแล้วจะทำให้คุณเสียหายเรื่องการงาน
คู่ครองที่แท้จริง บอกแล้วต้องเป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นคนที่มีความรู้ การศึกษาดีและเป็น คนที่อบอุ่น เป็นคนที่สามารถดูแลเราได้ อย่าแต่งงาน อย่าตกลงปลงใจในเรื่องราวของความ รักในปีนี้ เป็นอันขาดมิฉะนั้น จะผิดพลาดและผิดหวัง
สุขภาพและอุบัติเหตุ : ถ้า ดูตามดวงแล้วจะเห็นได้ว่า สุขภาพย่ำแย่ พักผ่อนไม่เพียง พอทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ อาจจะมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชน เพราะหลับใน ต้องระมัดระวังสุขภาพ เกี่ยวกับการรักษาผิดพลาด ถ้าป่วยขอให้ไปตรวจอีก 1 – 2 โรงพยาบาล หรือ 3 โรงพยาบาล แล้วให้คุณหมอที่มีฝีมือรักษา หรือให้ญาติพี่น้องที่รู้จักคุณหมอเป็นการส่วนตัว ตรวจเป็นกรณี พิเศษ โรคที่เกี่ยวกับกระเพาะ ลำไส้ หรือก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบางแห่งในร่างกายโดยที่ไม่รู้ตัว หรือตรวจพบยาก ประการสำคัญ เรื่องเกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆ เกิดเพราะตัวเองเป็นหลัก เช่น หลับใน หรือประมาท ต้องระมัดระวังยิ่งนัก
สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมดวงชะตา : ปีนี้ควรไปกราบไหว้ พระแก้วมรกต พระประจำตัวชาวราศีเมถุน และ หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร ที่มีพระองค์โตยืนอุ้มบาตร ซึ่งชาวราศีเมถุน มีพระปางอุ้มบาตรเป็นปางประจำราศีครับ จะเป็นมงคลยิ่งนัก
สิ่งที่ทำแล้วเสริมดวงชะตา: ชาวราศีเมถุนต้องหาพระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพระที่ป้องกันอุบัติเหตุเภทภัยจากการขับรถยนต์ครับ แคล้วคลาดปลอดภัย ควรพกไว้เพื่อ เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล อีกสิ่งหนึ่งคือตะกรุด วัดไหนก็ได้ทำให้แคล้วคลาดจากโพยภัย ทั้งปวง
ไหว้พระธาตุตามราศี ปีเกิด
ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันชาวล้านนามีความเชื่อในเรื่องของพระธาตุประจำปี เกิดกันมาก ซึ่งความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ปรากฏ แต่พบว่ามีบันทึกอยู่ในตำราพื้นเมืองโบราณสรุปได้ว่า ก่อนที่วิญญาณจะมาปฏิสนธิในครรภ์ของผู้เป็นมารดานั้นจะลงมาชุธาตุ ซึ่งหมายถึงการมาพักอยู่ที่เจดีย์แห่งใดแห่งหนึ่งโดยมีตั๋วเปิ้ง (สัตว์ประจำนักษัตร) พามาพักไว้
เมื่อได้เวลา ดวงวิญญาณก็จะเคลื่อนจากพระเจดีย์ไปสถิตอยู่บนกระหม่อมของผู้เป็นบิดาเป็น เวลา 7 วันก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ครรภ์มารดา และเมื่อเสียชีวิตแล้วดวงวิญญาณก็จะกลับไปอยู่ที่เจดีย์นั้นๆ ตามเดิม
ดังนั้นบุคคล ซึ่งเกิดในปีนักษัตรใดก็ตาม ควรที่จะหาโอกาสไปกราบไว้พระธาตุประจำปีเกิดของตนให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่ง ในชีวิต ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นมงคลแก่ชีวิต มีอานิสงส์สูงและทำให้อายุยืนนานและความเชื่อนี้ได้แพร่กระจายไปสู่พื้นที่ ต่างๆ ของประเทศในบันทึก ระบุนักษัตรต่างๆ ไว้ด้วยว่า
คนเกิดปีชวด ชาติกำเนิดเป็นเทวดาเป็นคนธาตุน้ำมีพระธาตุจอมทอง จ.เชียงใหม่ประจำปีเกิด วันพุธ, เสาร์เป็นวันฤกษ์ดี เลขมงคล 3, 6, 8 และ 9 ถ้าสร้างศาลาและบ่อน้ำจะเป็นกุศลยิ่ง
คนเกิดปีฉลู ชาติกำเนิดเป็นบุรุษธาตุดิน มีพระธาตุลำปางหลวง อ.เมืองลำปางประจำปีเกิด วันอาทิตย์, พฤหัสบดีเป็นวันมงคล เลขมงคล 3, 6, 9, 12 เสริมดวงให้แข็งขึ้นด้วยการสร้างไฟฟ้าและโรงไฟ
คนเกิดปีขาล ชาติกำเนิดเป็นยักขิณีธาตุไม้ มีพระธาตุช่อแฮ อ.เมืองแพร่ประจำปีเกิด วันพุธ, เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคลคือ 4, 14 และ 28 ทำทานด้วยการสร้างศาลาหรืออารามได้ก็จะเป็นการดี
คนเกิดปีเถาะ ชาติกำเนิดเป็นนารีธาตุไม้ มีพระธาตุแช่แห้ง อ.เมืองน่านประจำปีเกิด วันพุธ ศุกร์ เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคล 5, 15, 25, 38 ทำบุญสร้างปราสาทถูกโฉลก
คนเกิดปีมะโรง ชาติกำเนิดเป็นเทพบุตรธาตุทอง มีพระธาตุเจดีย์พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันพุธ ศุกร์ เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคล 3, 6, 9, 11, 12 การทำบุญสร้างเจดีย์ถูกโฉลก
คนเกิดปีมะเส็ง ชาติกำเนิดเป็นผู้ชายธาตุไฟ มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันอาทิตย์ พฤหัสเป็นวันมงคล เลขมงคล 5, 15, 21, 30 การให้ดอกไม้เป็นทานดีที่สุด
คนเกิดปีมะเมีย ชาติกำเนิดเป็นเทพธิดาธาตุไฟ มีพระธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่าประจำปีเกิด วันอาทิตย์ พฤหัสบดีมหาฤกษ์ เลข 5, 7, 17, 27 เป็นมงคล การสร้างอาสนสงฆ์เป็นบุญดีที่สุด
คนเกิดปีมะแม ชาติกำเนิดเป็นเทพธิดาธาตุทอง มีพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิดวันจันทร์ พุธ เสาร์ เป็นสิริมงคล เลข 2, 8, 15, 25, 35 เป็นมงคล
คนเกิดปีวอก ชาติ กำเนิดเป็นพระยายักษ์ธาตุเหล็ก มีพระธาตุพนม อ.เมืองนครพนมประจำปีเกิด วันโชคชัยคือวันพุธและเสาร์ เลข 2, 7, 15, 25 เป็นมงคล ทำบุญสร้างกำแพงเพื่อศาสนสมบัติดีที่สุด
คนเกิดปีระกา ชาติกำเนิดเป็นพระยายักษ์ธาตุเหล็ก มีพระธาตุหริภุญชัย อ.เมืองลำพูนประจำปีเกิด วันอุดมฤกษ์อังคารและศุกร์ เลขมงคล 3, 6, 9, 11, 21 การสร้างเวจกุฎีทำบุญถูกโฉลก
คนเกิดปีจอ ชาติกำเนิดเป็นนางยักษิณีธาตุดิน มีพระธาตุวัดเกตุการาม อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันมหามงคล อาทิตย์ พฤหัสบดีและเสาร์ เลขมงคล 8, 18, 24, 34, 44 ทำบุญสร้างธรรมาสน์ดียิ่งนัก
คนเกิดปีกุน ชาติกำเนิดนารีธาตุน้ำ มีพระธาตุดอยตุง อ.เมืองเชียงรายประจำปีเกิด วันจันทร์และพฤหัสบดีอุดมฤกษ์ เลข 3, 8, 9, 13 เป็นมงคล ทำบุญด้วยการสร้างห้องน้ำจะเป็นกุศลทวีคูณ
แต่จะด้วย เหตุใดก็ตามผู้เกิดในนักษัตรเหล่านี้ส่วนใหญ่ในชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ไปกราบ ไหว้บูชาพระธาตุประจำปีเกิดตามความเชื่อดังกล่าว ทางมูลนิธิธรรมรักษ์หนึ่งในองค์กรสำคัญของวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ที่พระอุดมประชาทรเป็นเจ้าอาวาสก่อตั้งขึ้นมาเพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยโรค เอดส์ ช่วยเหลือเด็กกำพร้าทุกระดับชั้น จึงได้จัดสร้างพระธาตุจำลองมหามงคล 12 ปีนักษัตรขึ้นมาเพื่อให้สาธุชนที่สนใจศรัทธานำไปบูชา
รายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย มอบให้วัดพระบาทน้ำพุใช้สร้างโรง
เมื่อได้เวลา ดวงวิญญาณก็จะเคลื่อนจากพระเจดีย์ไปสถิตอยู่บนกระหม่อมของผู้เป็นบิดาเป็น เวลา 7 วันก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ครรภ์มารดา และเมื่อเสียชีวิตแล้วดวงวิญญาณก็จะกลับไปอยู่ที่เจดีย์นั้นๆ ตามเดิม
ดังนั้นบุคคล ซึ่งเกิดในปีนักษัตรใดก็ตาม ควรที่จะหาโอกาสไปกราบไว้พระธาตุประจำปีเกิดของตนให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่ง ในชีวิต ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นมงคลแก่ชีวิต มีอานิสงส์สูงและทำให้อายุยืนนานและความเชื่อนี้ได้แพร่กระจายไปสู่พื้นที่ ต่างๆ ของประเทศในบันทึก ระบุนักษัตรต่างๆ ไว้ด้วยว่า
คนเกิดปีชวด ชาติกำเนิดเป็นเทวดาเป็นคนธาตุน้ำมีพระธาตุจอมทอง จ.เชียงใหม่ประจำปีเกิด วันพุธ, เสาร์เป็นวันฤกษ์ดี เลขมงคล 3, 6, 8 และ 9 ถ้าสร้างศาลาและบ่อน้ำจะเป็นกุศลยิ่ง
คนเกิดปีฉลู ชาติกำเนิดเป็นบุรุษธาตุดิน มีพระธาตุลำปางหลวง อ.เมืองลำปางประจำปีเกิด วันอาทิตย์, พฤหัสบดีเป็นวันมงคล เลขมงคล 3, 6, 9, 12 เสริมดวงให้แข็งขึ้นด้วยการสร้างไฟฟ้าและโรงไฟ
คนเกิดปีขาล ชาติกำเนิดเป็นยักขิณีธาตุไม้ มีพระธาตุช่อแฮ อ.เมืองแพร่ประจำปีเกิด วันพุธ, เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคลคือ 4, 14 และ 28 ทำทานด้วยการสร้างศาลาหรืออารามได้ก็จะเป็นการดี
คนเกิดปีเถาะ ชาติกำเนิดเป็นนารีธาตุไม้ มีพระธาตุแช่แห้ง อ.เมืองน่านประจำปีเกิด วันพุธ ศุกร์ เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคล 5, 15, 25, 38 ทำบุญสร้างปราสาทถูกโฉลก
คนเกิดปีมะโรง ชาติกำเนิดเป็นเทพบุตรธาตุทอง มีพระธาตุเจดีย์พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันพุธ ศุกร์ เสาร์เป็นวันมงคล เลขมงคล 3, 6, 9, 11, 12 การทำบุญสร้างเจดีย์ถูกโฉลก
คนเกิดปีมะเส็ง ชาติกำเนิดเป็นผู้ชายธาตุไฟ มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันอาทิตย์ พฤหัสเป็นวันมงคล เลขมงคล 5, 15, 21, 30 การให้ดอกไม้เป็นทานดีที่สุด
คนเกิดปีมะเมีย ชาติกำเนิดเป็นเทพธิดาธาตุไฟ มีพระธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่าประจำปีเกิด วันอาทิตย์ พฤหัสบดีมหาฤกษ์ เลข 5, 7, 17, 27 เป็นมงคล การสร้างอาสนสงฆ์เป็นบุญดีที่สุด
คนเกิดปีมะแม ชาติกำเนิดเป็นเทพธิดาธาตุทอง มีพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิดวันจันทร์ พุธ เสาร์ เป็นสิริมงคล เลข 2, 8, 15, 25, 35 เป็นมงคล
คนเกิดปีวอก ชาติ กำเนิดเป็นพระยายักษ์ธาตุเหล็ก มีพระธาตุพนม อ.เมืองนครพนมประจำปีเกิด วันโชคชัยคือวันพุธและเสาร์ เลข 2, 7, 15, 25 เป็นมงคล ทำบุญสร้างกำแพงเพื่อศาสนสมบัติดีที่สุด
คนเกิดปีระกา ชาติกำเนิดเป็นพระยายักษ์ธาตุเหล็ก มีพระธาตุหริภุญชัย อ.เมืองลำพูนประจำปีเกิด วันอุดมฤกษ์อังคารและศุกร์ เลขมงคล 3, 6, 9, 11, 21 การสร้างเวจกุฎีทำบุญถูกโฉลก
คนเกิดปีจอ ชาติกำเนิดเป็นนางยักษิณีธาตุดิน มีพระธาตุวัดเกตุการาม อ.เมืองเชียงใหม่ประจำปีเกิด วันมหามงคล อาทิตย์ พฤหัสบดีและเสาร์ เลขมงคล 8, 18, 24, 34, 44 ทำบุญสร้างธรรมาสน์ดียิ่งนัก
คนเกิดปีกุน ชาติกำเนิดนารีธาตุน้ำ มีพระธาตุดอยตุง อ.เมืองเชียงรายประจำปีเกิด วันจันทร์และพฤหัสบดีอุดมฤกษ์ เลข 3, 8, 9, 13 เป็นมงคล ทำบุญด้วยการสร้างห้องน้ำจะเป็นกุศลทวีคูณ
แต่จะด้วย เหตุใดก็ตามผู้เกิดในนักษัตรเหล่านี้ส่วนใหญ่ในชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ไปกราบ ไหว้บูชาพระธาตุประจำปีเกิดตามความเชื่อดังกล่าว ทางมูลนิธิธรรมรักษ์หนึ่งในองค์กรสำคัญของวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ที่พระอุดมประชาทรเป็นเจ้าอาวาสก่อตั้งขึ้นมาเพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยโรค เอดส์ ช่วยเหลือเด็กกำพร้าทุกระดับชั้น จึงได้จัดสร้างพระธาตุจำลองมหามงคล 12 ปีนักษัตรขึ้นมาเพื่อให้สาธุชนที่สนใจศรัทธานำไปบูชา
รายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย มอบให้วัดพระบาทน้ำพุใช้สร้างโรง
เขาหรือเธอ...น่าจะเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ของครอบครัว
เขาหรือเธอ...น่าจะเป็นลูกคนที่เท่าไหร่ของครอบครัว
วันนี้กลัยถึงบ้านเร็วหน่อยก็เลยมาอัพบล็อกแก้ปวดหัวเสียหน่อย อากาศระยะนี้ทำเอาปรับสภาพตัวไม่
ทันจริงๆอย่างไรก็รักษาสุขภาพด้วยด้วยนะคะ
และก็เพิ่งผ่านวันลอยกระทงมาหมาดๆ หวังว่าเพื่อนๆชาวบล็อกแก็งค์ จะ Happy กันถ้วนหน้านะคะ
ที นี้ก็มาเข้าเรื่องอุปนิสัยที่แตกต่างกันตามลำดับการเกิด ในครอบครัว เพราะก่อนนี้ มักจะได้ยินเค้าพูดบ่อยๆว่าลูกคนกลางมักอาภัพ ไม่ค่อยมีใครรัก คนโต พ่อแม่ก็เห่อ คนเล็กก็ต้องได้ทุกอย่าง แต่จากการทำวิจัยของ Dr Kevin Leman กลับให้ผลในลักษณะที่ต่างออกไป แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กัน การวิจัยก็คือค่าทางสถิติ คงจะให้ตรง 100% คงไม่ได้ เอาเป็นว่าโดยส่วนมากของ Population ในงานวิจัยครั้งนี้ก็แล้วกัน
นิสัยลูกคนเดียว
ข้อดี : เป็นคนที่มุ่งมั่นในการทำงาน รู้จักจัดระเบียบให้กับชีวิต มีความรับผิดชอบ
ข้อด้อย :
เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อ เจ้าคิดเจ้าแค้น มักชอบเรียกร้อง
และไม่ค่อยยอมรับความผิดพลาดของตัวเองทนต่อเสียงวิจารณ์ได้น้อยและค่อนข้าง
sensitive
นิสัยลูกคนโต
ข้อดี :
เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ ต้องการมีอำนาจหรือโดดเด่นเหนือคนอื่น
เป็นคนที่มีความเที่ยงตรงและตรงต่อเวลา สูง และสามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ไม่น่าห่วง เหตุเพราะ พ่อ-แม่เพิ่งจะมีลูกกับเค้าคนแรก เรียกว่ามือใหม่ ไร้ประสบการณ์ จะลองผิด ลองถูกก็กับลูกคนแรกนี่แหละค่ะ ดังนั้นลูกคนโตก็จะต้องเรียนรู้ในการรับผิดชอบ ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เล็กๆ ลูกคนโตจึงมีลักษณะของการเป็นผู้นำ และยังมีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิด-กล้าตัดสินใจ
เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ ต้องการมีอำนาจหรือโดดเด่นเหนือคนอื่น
เป็นคนที่มีความเที่ยงตรงและตรงต่อเวลา สูง และสามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ไม่น่าห่วง เหตุเพราะ พ่อ-แม่เพิ่งจะมีลูกกับเค้าคนแรก เรียกว่ามือใหม่ ไร้ประสบการณ์ จะลองผิด ลองถูกก็กับลูกคนแรกนี่แหละค่ะ ดังนั้นลูกคนโตก็จะต้องเรียนรู้ในการรับผิดชอบ ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เล็กๆ ลูกคนโตจึงมีลักษณะของการเป็นผู้นำ และยังมีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิด-กล้าตัดสินใจ
ทำ ให้บางครั้งเหมือนเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อรั้น เนื่องจากต้องเรียนรู้ด้วยตนเองมาตั้งแต่ยังเล็ก บรรดาลูกคนโตจึงเป็นพวกยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก แม้จะดื้อรั้นหรือเอาแต่ใจ แต่ก็ยังตั้งอยู่บนเหตุและผล
ข้อด้อย :
มักเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย
ชอบใช้อำนาจหรือบีบบังคับเมื่อต้องการให้ใครทำอะไรให้ตัวเอง
บางครั้งก็มักวางตัวว่ารู้ไปเสียทุกเรื่องจึงมักผิดพลาดได้ง่าย
เพราะไม่ค่อยไว้วางใจคนอื่นเหมือนกับที่วางใจตัวเอง
มักเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย
ชอบใช้อำนาจหรือบีบบังคับเมื่อต้องการให้ใครทำอะไรให้ตัวเอง
บางครั้งก็มักวางตัวว่ารู้ไปเสียทุกเรื่องจึงมักผิดพลาดได้ง่าย
เพราะไม่ค่อยไว้วางใจคนอื่นเหมือนกับที่วางใจตัวเอง
นิสัยลูกคนกลาง
ข้อดี : ความจริงเป็นเป็นลูกที่โชคดีมากที่สุด ลักษณะนิสัยลูกคนกลาง เป็นคนที่น่าคบหา มีมนุษย์สัมพันธ์ดี และมักทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความสุข
ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเหมือนทะเลไร้คลื่น
รักความสงบมีความเป็นมิตรให้กับคนรอบข้าง
เป็น นักฟังที่ดีและมีความตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขจึงมีแนวโน้มที่จะเป็น นักแก้ปัญหาให้กับคนอื่นได้ดี ก็ต้องขอบคุณลูกคนโตด้วย เพราะพอมีน้องก็จะอบรมสั่งสอน และดูแลแต่สิ่งดี สิ่งที่ไม่ดีก็เลี่ยงซะ เพราะโดนมาแล้ว ส่วนพ่อ-แม่ก็ไม่ใช่มือใหม่แล้ว เหมือนฟุตบอล คือรู้ทางหมดแล้ว จึงตั้งรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้ประสบการณ์จากการเลี้ยงลูกคนโตมาปรับ นั่นเอง ช่างโชคดีกว่าใคร
ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเหมือนทะเลไร้คลื่น
รักความสงบมีความเป็นมิตรให้กับคนรอบข้าง
เป็น นักฟังที่ดีและมีความตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขจึงมีแนวโน้มที่จะเป็น นักแก้ปัญหาให้กับคนอื่นได้ดี ก็ต้องขอบคุณลูกคนโตด้วย เพราะพอมีน้องก็จะอบรมสั่งสอน และดูแลแต่สิ่งดี สิ่งที่ไม่ดีก็เลี่ยงซะ เพราะโดนมาแล้ว ส่วนพ่อ-แม่ก็ไม่ใช่มือใหม่แล้ว เหมือนฟุตบอล คือรู้ทางหมดแล้ว จึงตั้งรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้ประสบการณ์จากการเลี้ยงลูกคนโตมาปรับ นั่นเอง ช่างโชคดีกว่าใคร
ข้อด้อย :
มีความกระตือรือร้นน้อยกว่าคนที่เป็นลูกคนโตและเนื่องจากต้องการเป็นที่ยอม
รับของคนอื่น
จึงมักทำให้คนที่เป็นลูกคนกลางพยายามทำตัวตามความต้องการของคนอื่น
หรือทำให้คนที่คบรอบข้าง มีความสุขจนเกินขอบเขต
หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้จึงมักลงโทษตัวเอง หรือมองตัวเองในแง่ลบไป
มีความกระตือรือร้นน้อยกว่าคนที่เป็นลูกคนโตและเนื่องจากต้องการเป็นที่ยอม
รับของคนอื่น
จึงมักทำให้คนที่เป็นลูกคนกลางพยายามทำตัวตามความต้องการของคนอื่น
หรือทำให้คนที่คบรอบข้าง มีความสุขจนเกินขอบเขต
หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้จึงมักลงโทษตัวเอง หรือมองตัวเองในแง่ลบไป
นิสัยลูกคนที่สาม(ลูกคนเล็ก)
ข้อดี : มักเป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง มีความเป็นมิตรกับคนรอบข้าง เข้ากับคนได้ง่าย ใจกว้าง เป็นคนที่อบอุ่น น่าคบหา เป็นคนเปิดเผย จริงใจ เพื่อนเยอะ
ข้อด้อย : แต่ขณะเดียวกันลึกๆลูกคนที่สามจะเป็นคนขี้เหงา ต้องการความรัก-ความอบอุ่นจากคนรอบข้าง มักเป็นคนเบื่อง่าย ทำอะไรไม่ทันไรก็เบื่อ ประเภทแรงต้นแผ่วปลาย ชอบความท้าทายและสิ่งใหม่ๆ ลูกคนเล็กยังมักยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางค่อนข้างเอาแต่ใจ แบบไร้เหตุผล ซึ่งคือความแตกต่างจากลูกคนโต เนื่องจากตอนเล็กๆจะได้รับการตอบสนองทางด้านวัตถุทุกอย่าง อยากได้อะไรพ่อ-แม่ก็จะให้ง่ายๆ เพราะเมื่อพ่อ-แม่ได้ทุ่มเทเลี้ยงดูลูกคนที่สอง อย่างเต็มที่ ไม่มีลองผิดลองถูกแล้วนี่คะ พอมีลูกคนที่สามก็เหนื่อยพอดี แม้จะไม่ใช่มือใหม่แล้วแต่เหนื่อยจากการเลี้ยงลูกคนที่ 1 และ 2 ดังนั้นจึงตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของลูกได้น้อย แต่จะให้วัตถุสิ่งของทดแทน ลูกคนที่สามแม้จะได้รับการตอบสนองด้านวัตถุอย่างเหลือเฟือ แต่ทางงด้านจิตใจนั้นกลับสวนทางกัน การคบหาเพื่อนของลูกคนที่สาม เมื่อคบหากับใคร
ช่วงแรกๆ ก็ดูน่าตื่นเต้น น่าสนุกสนาน แต่เมื่อความสนุกสนานหมดไป
ก็เหมือนงานเลี้ยงเลิกรา
การสร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังและเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวจึงดูเป็นเรื่อง
ยากสักหน่อย
ช่วงแรกๆ ก็ดูน่าตื่นเต้น น่าสนุกสนาน แต่เมื่อความสนุกสนานหมดไป
ก็เหมือนงานเลี้ยงเลิกรา
การสร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังและเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวจึงดูเป็นเรื่อง
ยากสักหน่อย
ลักษณะ ของลูกคนที่ 4 จะวนกลับมาตั้งต้นเหมือนลูกคนที่ 1 คนที่ 5 จะเหมือนกันลูกคนที่ 2 และคนที่ 6 ก็จะเหมือนลูกคนที่ 3 วนไปเช่นนี้ ค่ะ
*** เจ้าของบล็อค เป็นคนที่มีนิสัยแปลก จากคำบอกเล่าของคนรอบข้าง เชอาจเป็นเพราะอิทธิพลจากราศี Gemini ที่เป็นเหมือนคน 2 คน แล้ว ยังเป็นลูกคนที่สามแต่ถูกเลี้ยงมาอย่างลูกคนโต นิสัยมันเลยผสมผสานปนเป ครึ่งๆ คร่อมๆ อย่างทุกวันนี้คะ ***
เกี่ยวกับชีวิตคู่
คู่ที่เป็นลูกคนโตกับลูกคนโต :
น่าจะไปด้วยกันได้ยาก ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ
หรือหัวแข็งด้วยกันทั้งคู่
ดูเหมือนเส้นทางชีวิตคู่จะเต็มไปด้วยขวากหนามแห่งความไม่เข้าใจกัน
น่าจะไปด้วยกันได้ยาก ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ
หรือหัวแข็งด้วยกันทั้งคู่
ดูเหมือนเส้นทางชีวิตคู่จะเต็มไปด้วยขวากหนามแห่งความไม่เข้าใจกัน
คู่ที่เป็นลูกคนโตกับลูกคนกลาง :
จุดอันตรายของคนคู่นี้ อยู่ที่ว่าลูกคนกลางมักจะเป็นคู่รักที่ดีของทุก ๆ
คน แต่เมื่อมาเจอกับคนที่เป็นลูกคนโต
ซึ่งมักชอบวางอำนาจแม้ว่าคนที่เป็นลูกคนกลางจะยอมโอน อ่อนผ่อนตาม แต่นานๆ
เข้าคนที่เป็นลูกคนกลางก็จะรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง
และจะสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองลง
ความพยายามที่จะทำให้คู่รักที่เป็นลูกคนโตชื่นชอบ ก็จะหมดไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตามหากคนที่เป็นลูกคนกลางมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กก็จะเป็นคู่
ที่ไปด้วยกันได้ดีทีเดียว
จุดอันตรายของคนคู่นี้ อยู่ที่ว่าลูกคนกลางมักจะเป็นคู่รักที่ดีของทุก ๆ
คน แต่เมื่อมาเจอกับคนที่เป็นลูกคนโต
ซึ่งมักชอบวางอำนาจแม้ว่าคนที่เป็นลูกคนกลางจะยอมโอน อ่อนผ่อนตาม แต่นานๆ
เข้าคนที่เป็นลูกคนกลางก็จะรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง
และจะสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองลง
ความพยายามที่จะทำให้คู่รักที่เป็นลูกคนโตชื่นชอบ ก็จะหมดไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตามหากคนที่เป็นลูกคนกลางมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กก็จะเป็นคู่
ที่ไปด้วยกันได้ดีทีเดียว
คู่ที่เป็นลูกคนโตกับลูกคนสุดท้อง :
จัดว่าเป็นคู่ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวที่สุด
เพราะคนที่เป็นลูกคนโตจะช่วยสอนให้คนที่เป็นลูกคนเล็กรู้จักการจัดระเบียบ
ให้กับชีวิตซึ่งช่วยให้แก้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี
ในขณะที่คนที่เป็นลูกคนเล็กก็จะนำความสนุกสนาน ร่าเริง
มาให้คนที่เป็นลูกคนโต ก็ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องซีเรียสนี่นา
จัดว่าเป็นคู่ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวที่สุด
เพราะคนที่เป็นลูกคนโตจะช่วยสอนให้คนที่เป็นลูกคนเล็กรู้จักการจัดระเบียบ
ให้กับชีวิตซึ่งช่วยให้แก้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี
ในขณะที่คนที่เป็นลูกคนเล็กก็จะนำความสนุกสนาน ร่าเริง
มาให้คนที่เป็นลูกคนโต ก็ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องซีเรียสนี่นา
คู่ที่เป็นลูกคนกลางทั้งคู่ :
คู่นี้อาจจะเป็นไปได้ 2
ทางคือหากคนหนึ่งมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนโตและอีกคนมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็ก
คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทีเดียว
แต่ถ้าหากทั้งคู่เป็นคนที่ไม่ยืดหยุ่น
ถึงแม้จะพอประคับประคองชีวิตคู่กันไปได้
แต่ต้องเก็บงำความเจ็บช้ำไว้ข้างในตามนิสัยของลูกคนกลางที่ไม่ค่อยพูดอะไร
ออกมา คู่นี้ไม่มีปัญหาเรื่องการนอกใจกัน
คู่นี้อาจจะเป็นไปได้ 2
ทางคือหากคนหนึ่งมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนโตและอีกคนมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็ก
คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทีเดียว
แต่ถ้าหากทั้งคู่เป็นคนที่ไม่ยืดหยุ่น
ถึงแม้จะพอประคับประคองชีวิตคู่กันไปได้
แต่ต้องเก็บงำความเจ็บช้ำไว้ข้างในตามนิสัยของลูกคนกลางที่ไม่ค่อยพูดอะไร
ออกมา คู่นี้ไม่มีปัญหาเรื่องการนอกใจกัน
คู่ที่เป็นลูกคนกลาง กับลูกคนสุดท้อง :
ถ้าคนที่เป็นลูกคนกลาง มีลักษณะค่อนไปทางลูกคนโต
คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี แต่หากเป็นแบบลูกคนกลางจริงๆ แล้ว
ก็มักจะคล้อยตามให้เห็นดีเห็นงามกับการใช้ชีวิตในสไตล์ของลูกคนเล็กคือ
มักจะขาดความรับผิดชอบและมักสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นเนืองๆ
และถ้าเป็นลูกคนกลางที่มีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กแล้วละก็
ชีวิตคู่ดูจะยุ่งยากทีเดียว
ถ้าคนที่เป็นลูกคนกลาง มีลักษณะค่อนไปทางลูกคนโต
คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี แต่หากเป็นแบบลูกคนกลางจริงๆ แล้ว
ก็มักจะคล้อยตามให้เห็นดีเห็นงามกับการใช้ชีวิตในสไตล์ของลูกคนเล็กคือ
มักจะขาดความรับผิดชอบและมักสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นเนืองๆ
และถ้าเป็นลูกคนกลางที่มีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กแล้วละก็
ชีวิตคู่ดูจะยุ่งยากทีเดียว
คู่ทีเป็นลูกคนเล็กด้วยกันทั้งคู่ :
คนคู่นี้ ค่อนข้างร่าเริง มองโลกด้วยความสนุกสนาน
แต่มักไม่ใช่พวกที่ชอบแก้ปัญหา
เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาแต่อาจจะเป็นคู่ชีวิตที่ไม่ยั่งยืนนัก
คนคู่นี้ ค่อนข้างร่าเริง มองโลกด้วยความสนุกสนาน
แต่มักไม่ใช่พวกที่ชอบแก้ปัญหา
เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาแต่อาจจะเป็นคู่ชีวิตที่ไม่ยั่งยืนนัก
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ทางจิตวิทยา ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง คอยสังเกตนิสัยลูกๆ ว่าเป็นอย่างไรไม่ต้องซีเรียสกับการทายนะ
กติกามีอยู่แต่คนกลับไม่เคารพ ระบบกฎหมายเมืองไทยต้องเคร่งครั ดกว่านี้ ดูอย่างประเทศสิงคโปร์ กฎหมายประเทศเขาเอาจริง ไม่ใช่ทำผิดลหุโทษ ปรับสองร้อย ห้าร้อย ถ้ายังปล่อยให้คนใช้เงินซื้ออำน าจแบบนี้ สังคมไทยคงไม่มีวันสงบสุข
ไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจครับ ทำไมต้องทำแบบนี้ ผมว่าไม่ถูก คุณอี้ สู้ สู้ ครับผม
อย่าหลงกลโหวตโนนะ มันเจ็บ
หลงกล
ผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมตื่นแล้วและ ผมกำลังลืมตา ผมกำลังบอกว่า"ถ้าครั้งนี้คุณโห
ขอบคุณครับที่ร่วมแสดงความเ
แล้วจะทำไงให้รากหญ้าต่างๆ มองให้ไกลๆกว่าที่เขากะลังค
เรื่องนิรโทษกรรมนี่ ผมไม่มี
สำหรับชาวบ้านนั้นทั่วไปเค้
แต่ทุกสิ่งอย่างต้องอาศัยระ
ผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมตื่นแล้วและ ผมกำลังลืมตา ผมกำลังบอกว่า"ถ้าครั้งนี้คุณโห วต No เพียงเพราะคุณไม่ชอบการเมือง,เพ ราะคุณไม่ชอบปชป.เพราะคุณไม่อยา กยกเขาดินเข้าสภา,เพราะคุณไม่มี คนที่ชอบ/พรรคที่ใช่,เพราะคิดว่ าประเทศไทยไม่ใช่ของผมฯลฯหรือเพ ราะคุณไม่กลัวนปช.คุณกำลังเป็นค นดูดายรักแต่ตัวคุณเอง และถ้าคุณชักจูงให้คนโหวตโนกับค ุณด้วย คุณกำลังเป็นส่วนหนึ่งของคนที่ท ำร้ายประเทศอย่างเลือดเย็น หรือคุณไม่รู้เลยว่าหนึ่งเสียงข องคุณมีค่าแค่ไหน
ขอบคุณครับที่ร่วมแสดงความเ ห็นคุณต้น และเป็นความเห็นที่ดีมากด้ว ยครับ หากนักการเมืองได้อ่านก็จะเ ข้าถึงความคิดประชาชนมากขึ้ น อดีตผมก็เคยคาดหวังและพลาดห วังไม่ต่างกัน ผมเบื่อหน่ายการโต้เถียง ความขัดแย้ง ทุกสิ่งอย่าง ผมคงไม่หาญพอ ที่จะยกตนเป็นตั วอย่าง และลบลืมประสบการณ์ใน อดีตได้ และเช่นกันผมไม่สามา รถชี้ซ้าย-ขวาในสิ่งที่ยังไ ม่้เกิดหลังจากนี้ สิ่งที่ผมเขียนเป็นความคิดใ นมุมมองของผม ณ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ผมยืนยันว่าผมนั้นตื่นลื มตา ไม่ได้เพ้อฝันไปกับนโยบายที ่พรรคไหนใส่ให้ ทว่าผมลองคิดแล้วมันเป็นควา มบังเอิญที่ไปในแนวทางเดียว กัน และผมคิดว่าผมก็ประชาชนไทยค นหนึ่ง ชีวิตเป็นสิ่งที่ผมเลือกจะเ ป็นได้ ผมจึงคิดจะใช้สิทธิ์เดียวที ่ผมมีเลือกขีดเส้นให้ตนเอง หากเกิดอะไรในภายหลัง ผมก็จะไม่เสียดาย และ ไม่โทษว่าเป็นความผิดใคร เพราะผมตัดสินใจเอง
**************************************
คำถาม
แล้วจะทำไงให้รากหญ้าต่างๆ มองให้ไกลๆกว่าที่เขากะลังค ิดกันล่ะ ว่าหากพรรคนั้นขึ้นมาเป็นอะ ไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ อันดับแรกแจกบัตรเครดิตเพิ่ มหนี้ชาวนา สองนิรโทษกรรมพี่ชาย
เรื่องนิรโทษกรรมนี่ ผมไม่มี ความเห็น เพราะคนๆนี้เขาได้เ คยทำในสิ่งที่จับต้องได้ และ เป็นปัจจุบันให้กับชาวบ้านไ ด้มาแล้ว แต่ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจาก การลงทุน และชี้ให้เห็นประเด็นหรือผล ประโยชน์ที่ปลายทาง ดีที่สุดคือการเข้าคลุกวงใน ครับ ชีวิตจริงคงจะใช้ทรษฏีมาจับ ทั้งหมดไม่ได้ คนทั่วไปไม่รู้หรอกครับค่าจ ีดีพี ค่าดัชนีอะไรต่างๆมากมายที่ เราใช้เป็นตัววัดกัน
สำหรับชาวบ้านนั้นทั่วไปเค้ าจะคิดแค่เรื่องปาก-ท้อง กินอยู่พอสบายนอนหลับ ส่วนของความต้องการ,การใช้ช ีวิตในแบบชาวบ้านนั้นมักจะเ ข้าใจง่าย เพราะเค้าคิดทำอะไรไม่ซับซ้ อนหรอกครับ ถ้ารัฐสามารถเข้าไปSupport เบื้องต้นในส่วนพื้นฐานเหล่ านี้ได้ พร้อมๆกับให้ความรู้และการศ ึกษาอย่างต่อเนื่องและถูกวิ ธี เมื่อเขามีเวลามากพอที่จะคิ ดถึงเรื่องอื่น เขาก็จะเริ่ม ใส่ใจสิ่งรอบตัว ถ้าจัดทำให้เป็นระบบ สม่ำเสมอ ผมว่าน่าจะใช้ได้
แต่ทุกสิ่งอย่างต้องอาศัยระ ยะเวลา ซึ่งแนวทางของปชป เค้ามาทางนี้อยู่แล้ว ผมก็หวังว่า ความรักชาติรักแผ่นดินของพว กเขา จะช่วยผลักดันให้ปชปได้ดำเน ินนโยบายต่อ ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลยคง คิดได้แบบธรรมดาๆครับ
........................................
ผมไม่มีตา หรือฟ้าไม่เป็นใจ
น่าเสียใจนะครับ หลังผลการเลือกตั้งประกาศว่า ปชป.พ่ายแพ้ นายกรัฐมนตรีพี่มาร์ค ของผมลาออก กรรมการพรรคพ้นตำแหน่งหมด 19 คน เชื่อว่าเป็นใครก็เสียใจ ที่คนไทยทิ้งแผ่นดิน เพราะยอมให้คนอื่นมาหมิ่น-ทำร้ายหัวใจของตนได้ ไปเจ็บซะให้พอเลยครับผม ถือเสียว่าให้ปชช.ปกครองตนเอง โดยไปลองเบอร์ห้าว่าที่รัฐบาลใหม่ ซะให้ซึ้ง หวังว่าคงไม่มีใครนอนละเมอนะครับผม เง้อ....ส่วนรัฐบาลชุดรักษาการณ์ก็ได้รางวัลโดยได้พักร้อน สามเดือน หกเดือน กับนวมทองคนละคู่ สู้สู้ กันต่อไป
รอวัน ... ปิดประตูตีแมว
การตรวจเปรียบเทียบวัตถุพยานแก้วและกระจกด้วยเทคนิค LA-ICP-MS
บทนำและสภาพปัญหา
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม นอกจากนั้น สถาบันฯ ยังมีความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของไทย ให้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล การพัฒนาหน่วยงานและให้องค์ความรู้แก่บุคลากรภายในของสถาบันฯ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน กลุ่มตรวจสอบอาวุธปืนและวัตถุพยานทางฟิสิกส์ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงาน เพื่อสนับสนุนงานการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีภารกิจหลักคือการให้บริการด้านการตรวจสอบอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืนและวัตถุพยานประเภท Trace Evidences เมื่อมีการร้องขอจากพนักงานสอบสวน. Trace Evidence เป็นวัตถุพยานที่ส่วนมากมักมีขนาดเล็ก และมีปริมาณเพียวเล็กน้อย แต่มีความหลากหลายมาก เข่นเส้นขน, เส้นผม, เส้นใย ไฟเบอร์ DNA เศษสีรถยนต์ หมึกปากกา รวมถึงแก้วและกระจกด้วย
แก้วและกระจกจัดว่าเป็น Trace Evidence ประเภทหนึ่ง ซึ่งในทางกระบวนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ และคุณค่าถ้าวัตถุพยานสามารถเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้กระทำผิดได้ ดังนั้นขนาดของวัตถุพยานมิได้เป็นตัวกำหนดคุณค่าของวัตถุพยานนั้น ถ้าเกิดการก่ออาชญากรรมขึ้น แล้วเศษแก้วหรือกระจกชิ้นเล็กๆ นั้นสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงตัวผู้กระทำผิดได้ เช่น คดีอุบัติเหตุจราจร ประเภทชนแล้วหนี(hit and run), การบุกรุกอาคาร เคหะสถานเพื่อทำการโจรกรรม(Break in), คดีทำร้ายร่างกาย หรือตัวอย่างการชุมนุมประท้วงที่มีการทุกกระจก ห้างร้านและเผาทำลาย ที่ผ่านมา เศษแก้วหรือกระจกซึ่งพบอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าของตัวผู้บุกรุก หรือผู้กระทำผิดก็อาจเกิดการแลกเปลี่ยน (Exchanged) ในระหว่าง Contact ตาม Locard's Exchange Principle ที่ว่า "Every Contact Leave a Trace" ซึ่งสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่าง วัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ-ผู้กระทำความผิด เข้าด้วยกันจนนำไปสู่การจับกุมและการบังคับใช้กฏหมายได้ ผู้ที่ปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่ ดี ควรตระหนักถึงความสำคัญ และไม่อาจละเลยวัตถุพยานหรือลดความสำคัญของวัตถุพยานลง เพียงเพราะเงื่อนไขด้านขนาดเท่านั้น
เดิมทีวิธีการตรวจพิสูจน์หลักฐานประเภทแก้วและกระจกที่ใช้กันอยู่ คือ “การตรวจวัดค่าดัชนีหักเห” ; refractive index; index of refraction ; RI ซึ่งเป็นการวัดค่าอัตราส่วนของ "ค่าไซน์มุมตกกระทบกับค่าไซน์มุมสะท้อน" ซึ่งเกิดในขณะที่แสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่ง ไปสู่ตัวกลางอีกชนิดหนึ่ง แล้วนำค่าที่วัดได้ ไปเทียบค่าในตารางว่าตรงกันกับแก้วหรือกระจกชนิดใด
เนื่องจากกระบวนการผลิตแก้วและกระจกในปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นตามวิวัฒนาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตปริมาณมากขึ้น จากศักยภาพทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่นี้ ได้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์แก้วและกระจกในปัจจุบัน มีความแตกต่างกันน้อยมาก จนการตรวจวัดค่า RI เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแยกชนิดหรือประเภทของแก้วหรือกระจกได้ทั้งหมด อีกทั้งการตรวจวัดค่า RI ไม่สามารถระบุถึง Original Source ของแก้วและกระจกได้ เทคนิค LA-ICP-MS จึงถูกนำมาเสริมและแก้ไขข้อจำกัดของการวิเคราะห์ด้วยการวัดค่า RI ให้หมดไป
เทคนิค LA-ICP-MS เป็นการวิเคราะห์ตามหลักการ Mass Spectrometry โดยรวมเอาคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ มาทำงานร่วมกันกับระบบการทำงานของ ICP-MS ทำให้เทคนิคการตรวจวิเคราะห์มวลไอออน ขยายขอบเขตจนครอบคลุมชนิดของตัวอย่างที่เป็นของเหลว ของแข็ง และก๊าซ อีกทั้งกับผู้ตรวจพิสูจน์ ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการเตรียมตัวอย่างแบบเดิม กล่าวคือ ICP-MS ใช้ตรวจตัวอย่างที่เป็นของเหลว หรือสารละลาย เมื่อต้องการตรวจตัวอย่างที่เป็นของแข็ง ผู้ตรวจพิสูจน์จำเป็นต้องทำการย่อยตัวอย่าง ด้วยกรดเข้มข้น (Acid Digestion) เพื่อเปลี่ยนของแข็งให้เป็นสารละลายก่อน จึงสามารถทำการวิเคราะห์ได้
ในต่างประเทศ เทคนิค LA-ICP-MS ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในงานหลายแขนง เช่น งานทางธรณีวิทยา; logical, งานชีววิทยาประยุกต์;Biological งานโบราณคดี; Archaeological งานด้านสิ่งแวดล้อม ; Environmental งานด้านนิวเคลียร์ ; Nuclear งานวิทยาศาสตร์ของการทำโลหะผสมผสาน; Metallurgy Sciences การตรวจวิเคราะห์ทาง Micro analysis รวมถึงงานตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย หลักการทำงานของ LA-ICP-MS ก็เป็นหลักการเดียวกันกับ ICP-MS จะแตกต่างกันแค่ในส่วนของการเตรียมตัวอย่างเท่านั้น การที่ LA-ICP-MS ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย อาจเป็นเพราะมีราคาสูง การใช้งานและการประมวลผลยังซับซ้อนอยู่ และการปรับ Performance ของเครื่องหลังเปลี่ยนโหมดการใช้งานต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้งานที่ต้องเชื่อมต่อ 2 ระบบเข้าด้วยกันทุกครั้ง ในประเทศไทยพบว่าเทคนิค LA-ICP-MS มีการนำไปใช้ในงานการวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ของอัญมณี ของสถาบันวิจัยอัญมณีฯ การตรวจวิเคราะห์แหล่งน้ำทะเล และใช้เพื่อการศึกษาวิจัยในมหาวิทยาลัยอีก 2 แห่ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงเป็นหน่วยงานเดียวที่นำหลักการ Mass Spectrometry และเทคนิค LA-ICP-MS มาใช้สนับสนุนงานการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
วัตถุประสงค์ของการศึกษาและพัฒนาการตรวจวิเคราะห์แก้วและกระจก นอกจากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด การตรวจวิเคราะห์แก้วและกระจก และการตรวจเปรียบเทียบเพื่อหา Original Source ของตัวอย่างนั้น ได้ดำเนินการโดยปฏิบัติตามวิธีมาตรฐานของหน่วยงานต่างประเทศ คือ Interpol และ มหาวิทยาลัย U.T.S. ประเทศออสเตรเลีย แล้วนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ มา Verified และปรับให้มีความเหมาะสมกับตัวอย่างวัตถุพยานในประเทศไทย ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันทางด้านวัตถุดิบ, ขั้นตอนและกระบวนการผลิต ทั้งนี้ก็เป็นเสมือนก้าวแรก ที่จะเปิดโลกทัศน์แห่งองค์ความรู้และใช้ประโยชน์จากหลักการด้านMass Spectrometry ได้อย่างที่ถูกต้อง สามารถดึงศักยภาพของเครื่องมือและนำเทคนิค LA-ICP-MS ไปปรับและประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในงานตรวจพิสูจน์วัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ชนิดอื่นต่อไป
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนและสังคม นอกจากนั้น สถาบันฯ ยังมีความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อยกระดับการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของไทย ให้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล การพัฒนาหน่วยงานและให้องค์ความรู้แก่บุคลากรภายในของสถาบันฯ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน กลุ่มตรวจสอบอาวุธปืนและวัตถุพยานทางฟิสิกส์ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงาน เพื่อสนับสนุนงานการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีภารกิจหลักคือการให้บริการด้านการตรวจสอบอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืนและวัตถุพยานประเภท Trace Evidences เมื่อมีการร้องขอจากพนักงานสอบสวน. Trace Evidence เป็นวัตถุพยานที่ส่วนมากมักมีขนาดเล็ก และมีปริมาณเพียวเล็กน้อย แต่มีความหลากหลายมาก เข่นเส้นขน, เส้นผม, เส้นใย ไฟเบอร์ DNA เศษสีรถยนต์ หมึกปากกา รวมถึงแก้วและกระจกด้วย
แก้วและกระจกจัดว่าเป็น Trace Evidence ประเภทหนึ่ง ซึ่งในทางกระบวนการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ และคุณค่าถ้าวัตถุพยานสามารถเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้กระทำผิดได้ ดังนั้นขนาดของวัตถุพยานมิได้เป็นตัวกำหนดคุณค่าของวัตถุพยานนั้น ถ้าเกิดการก่ออาชญากรรมขึ้น แล้วเศษแก้วหรือกระจกชิ้นเล็กๆ นั้นสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงตัวผู้กระทำผิดได้ เช่น คดีอุบัติเหตุจราจร ประเภทชนแล้วหนี(hit and run), การบุกรุกอาคาร เคหะสถานเพื่อทำการโจรกรรม(Break in), คดีทำร้ายร่างกาย หรือตัวอย่างการชุมนุมประท้วงที่มีการทุกกระจก ห้างร้านและเผาทำลาย ที่ผ่านมา เศษแก้วหรือกระจกซึ่งพบอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าของตัวผู้บุกรุก หรือผู้กระทำผิดก็อาจเกิดการแลกเปลี่ยน (Exchanged) ในระหว่าง Contact ตาม Locard's Exchange Principle ที่ว่า "Every Contact Leave a Trace" ซึ่งสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่าง วัตถุพยาน-สถานที่เกิดเหตุ-ผู้กระทำความผิด เข้าด้วยกันจนนำไปสู่การจับกุมและการบังคับใช้กฏหมายได้ ผู้ที่ปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ที่ ดี ควรตระหนักถึงความสำคัญ และไม่อาจละเลยวัตถุพยานหรือลดความสำคัญของวัตถุพยานลง เพียงเพราะเงื่อนไขด้านขนาดเท่านั้น
เดิมทีวิธีการตรวจพิสูจน์หลักฐานประเภทแก้วและกระจกที่ใช้กันอยู่ คือ “การตรวจวัดค่าดัชนีหักเห” ; refractive index; index of refraction ; RI ซึ่งเป็นการวัดค่าอัตราส่วนของ "ค่าไซน์มุมตกกระทบกับค่าไซน์มุมสะท้อน" ซึ่งเกิดในขณะที่แสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่ง ไปสู่ตัวกลางอีกชนิดหนึ่ง แล้วนำค่าที่วัดได้ ไปเทียบค่าในตารางว่าตรงกันกับแก้วหรือกระจกชนิดใด
เนื่องจากกระบวนการผลิตแก้วและกระจกในปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นตามวิวัฒนาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งผลผลิตปริมาณมากขึ้น จากศักยภาพทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมรูปแบบใหม่นี้ ได้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์แก้วและกระจกในปัจจุบัน มีความแตกต่างกันน้อยมาก จนการตรวจวัดค่า RI เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแยกชนิดหรือประเภทของแก้วหรือกระจกได้ทั้งหมด อีกทั้งการตรวจวัดค่า RI ไม่สามารถระบุถึง Original Source ของแก้วและกระจกได้ เทคนิค LA-ICP-MS จึงถูกนำมาเสริมและแก้ไขข้อจำกัดของการวิเคราะห์ด้วยการวัดค่า RI ให้หมดไป
เทคนิค LA-ICP-MS เป็นการวิเคราะห์ตามหลักการ Mass Spectrometry โดยรวมเอาคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ มาทำงานร่วมกันกับระบบการทำงานของ ICP-MS ทำให้เทคนิคการตรวจวิเคราะห์มวลไอออน ขยายขอบเขตจนครอบคลุมชนิดของตัวอย่างที่เป็นของเหลว ของแข็ง และก๊าซ อีกทั้งกับผู้ตรวจพิสูจน์ ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการเตรียมตัวอย่างแบบเดิม กล่าวคือ ICP-MS ใช้ตรวจตัวอย่างที่เป็นของเหลว หรือสารละลาย เมื่อต้องการตรวจตัวอย่างที่เป็นของแข็ง ผู้ตรวจพิสูจน์จำเป็นต้องทำการย่อยตัวอย่าง ด้วยกรดเข้มข้น (Acid Digestion) เพื่อเปลี่ยนของแข็งให้เป็นสารละลายก่อน จึงสามารถทำการวิเคราะห์ได้
ในต่างประเทศ เทคนิค LA-ICP-MS ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในงานหลายแขนง เช่น งานทางธรณีวิทยา; logical, งานชีววิทยาประยุกต์;Biological งานโบราณคดี; Archaeological งานด้านสิ่งแวดล้อม ; Environmental งานด้านนิวเคลียร์ ; Nuclear งานวิทยาศาสตร์ของการทำโลหะผสมผสาน; Metallurgy Sciences การตรวจวิเคราะห์ทาง Micro analysis รวมถึงงานตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย หลักการทำงานของ LA-ICP-MS ก็เป็นหลักการเดียวกันกับ ICP-MS จะแตกต่างกันแค่ในส่วนของการเตรียมตัวอย่างเท่านั้น การที่ LA-ICP-MS ยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย อาจเป็นเพราะมีราคาสูง การใช้งานและการประมวลผลยังซับซ้อนอยู่ และการปรับ Performance ของเครื่องหลังเปลี่ยนโหมดการใช้งานต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้งานที่ต้องเชื่อมต่อ 2 ระบบเข้าด้วยกันทุกครั้ง ในประเทศไทยพบว่าเทคนิค LA-ICP-MS มีการนำไปใช้ในงานการวิเคราะห์ความบริสุทธิ์ของอัญมณี ของสถาบันวิจัยอัญมณีฯ การตรวจวิเคราะห์แหล่งน้ำทะเล และใช้เพื่อการศึกษาวิจัยในมหาวิทยาลัยอีก 2 แห่ง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงเป็นหน่วยงานเดียวที่นำหลักการ Mass Spectrometry และเทคนิค LA-ICP-MS มาใช้สนับสนุนงานการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
วัตถุประสงค์ของการศึกษาและพัฒนาการตรวจวิเคราะห์แก้วและกระจก นอกจากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด การตรวจวิเคราะห์แก้วและกระจก และการตรวจเปรียบเทียบเพื่อหา Original Source ของตัวอย่างนั้น ได้ดำเนินการโดยปฏิบัติตามวิธีมาตรฐานของหน่วยงานต่างประเทศ คือ Interpol และ มหาวิทยาลัย U.T.S. ประเทศออสเตรเลีย แล้วนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ มา Verified และปรับให้มีความเหมาะสมกับตัวอย่างวัตถุพยานในประเทศไทย ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันทางด้านวัตถุดิบ, ขั้นตอนและกระบวนการผลิต ทั้งนี้ก็เป็นเสมือนก้าวแรก ที่จะเปิดโลกทัศน์แห่งองค์ความรู้และใช้ประโยชน์จากหลักการด้านMass Spectrometry ได้อย่างที่ถูกต้อง สามารถดึงศักยภาพของเครื่องมือและนำเทคนิค LA-ICP-MS ไปปรับและประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในงานตรวจพิสูจน์วัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ชนิดอื่นต่อไป
แนวคิดกระบวนการสืบสวนสอบสวนแบบ 360 องศา
กระบวนการสืบสวนสอบสวนแบบ 360 องศา
ข้อเสนอแนวความคิด/ วิธีการเพื่อพัฒนาหรือปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
(สุดท้ายก็ส่งไม่ทัน...ดีแล้วไม่งั้นขายหน้าแย่)
หลักการและเหตุผล
ปัญหาอาชญากรรมในสังคมไทย ซึ่งเกิดจากการกระทำความผิดหรือการล่วงละเมิดสิทธิ์ของบุคคลอื่น ในทางกฎหมาย แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ(1)ความผิดในทางแพ่งและ(2)ความผิดในทางอาญา เช่น การลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อลดต้นทุกการผลิตแต่ยังคงไว้ซึ่งผลกำไรที่เท่าเดิมหรือมากขึ้น การเอารัดเอาเปรียบเพื่อแสวงหากำไรจากลูกหนี้ ในการให้กู้ยืมเงินนอกระบบ ซึ่งส่งผลในรูปแบบต่างๆกันไป เช่นการฉ้อโกง การคอรัปชั่น การทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของผู้เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ การแทรกแซงทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนฯลฯ ทุกวันนี้ไม่ใช่สิ่งไกลตัวเราอีกต่อไป เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวฉันใด เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคมใด แม้เพียงในสังคมหรือชุมชนขนาดเล็ก เมื่อปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีกระบวนการบังคับใช้กฎหมายมาควบคุมจัดการ ปัญหาอาชญากรล้นเมือง การเกิดอาชญากรรมจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน ไปจนถึงความมั่นคงระดับประเทศได้
ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาการและ นวัตกรรมในปัจจุบัน ทำให้เหล่าอาชญากรนำเอาประโยชน์ของนวัตกรรมเหล่านี้ ไปใช้ในทางเสื่อม คือใช้ก่ออาชญากรรมในรูปแบบใหม่ๆ ดังเห็นได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ ดังนั้นกระบวนการสืบสวนสอบสวนจึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน เปิดกว้างเพื่อรองรับอาชญากรรมในทุกรูปแบบ แต่การเล่นเกมส์หนูจับแมวอย่างเดียว คงไม่ใช่เรื่องสนุก ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติการอาจกระทำได้ 2 แนวทางไปพร้อมกันคือ(1) การป้องปรามมิให้เกิดอาชญากรรมในรูปแบบเดิมซ้ำได้อีก โดยการวิเคราะห์สาเหตุและที่มาของการกระทำผิดที่เคยมีในอดีต แล้วอุดช่องว่างอันเป็นเหตุเสีย (2) การเตรียมมาตรการเพื่อรองรับอย่างเท่าทันถ้าอาชญากรรมเกิดขึ้น และสามารถแก้ไข-บรรเทาและเยียวยาผลที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และสุดท้ายต้องสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ด้วย พิจารณาแล้วพบว่าข้อจำกัดและอุปสรรคในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ที่พบได้บ่อย มี 3 ข้อหลัก คือ
1. ขอบเขตและอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติงาน
2. ความร่วมมือจากบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. หลักฐานหรือเอกสารที่สำคัญ ในการยืนยันการกระทำผิดเสียหาย, สูญหายหรือถูกทำลาย
จากประสบการณ์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของข้าพเจ้าที่ผ่านมานั้น ทราบว่านิติวิทยาศาสตร์จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการสืบสวน เนื่องจากงานนิติวิทยาศาสตร์ เป็นการสืบหาความเกี่ยวพันเชื่อมโยงระหว่าง Suspect – Scene - Evidence โดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกรูปแบบ-สาขา ผสมผสานเข้าด้วยกัน ด้วยเหตุผลเดียวกัน กระบวนการสืบสวนสอบสวน ก็ควรมีรูปแบบของการเป็นศาสตร์และศิลป์ผสมผสานกันกันอยู่ โดยศาสตร์คือการมีความรู้รอบในวิทยาการความรู้ด้านต่างๆ คนเพียงหนึ่งคนคงไม่สามารถรู้ไปทุกเรื่อง ดังนั้นการรวบรวมคนที่มีความรอบรู้และชำนาญในศาสตร์ต่างๆ เพื่อ Brain-Storm ให้ศาสตร์ทุกด้านสมบูรณ์ ยังต้องเป็นบุคคลที่มีศิลป์ในการคิดและวิเคราะห์ที่แตกต่างอย่างมี เหตุผล โดยทักษะนี้มักได้จากประสบการณ์การทำงานจริง เพราะต้องถ่ายทอดให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นได้ และต้องอาศัยการวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี และครบถ้วนกระบวนความ สามารถพิจารณาและตัดสินใจได้ว่าควรดำเนินการในรูปแบบใด หรืออย่างน้อยก็ต้องสามารถวิเคราะห์ได้ว่าควรนำวิทยาศาสตร์รูปแบบ-สาขาใด มาประยุกต์และปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์, คดีความ หรือการกระทำความผิดที่ละเมิดกฎหมาย ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ เช่น การตรวจวัตถุพยานทางฟิสิกส์ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ที่สามารถเชื่อมโยง หรือสามารถจำลอง พฤติการณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นในที่เกิดเหตุได้ โดยใช้สิ่งต่างๆ ในสถานที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจ อาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ การตรวจพิสูจน์คราบเลือด รอยกระเซ็นของเลือด เศษชิ้นส่วนของผ้าผืนเล็กๆ สารเสพติดหรือแม้กระทั่งการตรวจไอระเหยที่ปะปนอยู่ในอากาศ รวมไปจนกระทั่งร่างกายของเหยื่อหรือผู้เสียหาย ซึ่งในกระบวนสืบสวนสามารถนำผลต่างๆเหล่านี้ เชื่อมโยงหาผู้กระทำความผิด และนำตัวผู้กระทำผิดนั้นมารับโทษตามบทลงโทษที่ระบุไว้ตามกฎหมายได้ ซึ่งในทางปฏิบัติการใช้บทกำหนดโทษตามกฎหมายอาญา อันนำผู้กระทำผิดไปสู่การดำเนินการควบคุม และป้องกันอาชญากรรมนั้น เป็นหน้าที่อันสำคัญของตำรวจ นักกฎหมาย นักสังคมวิทยา จิตแพทย์ นักจิตวิทยา ผู้พิพากษาศาลคดีเด็กฯ พนักงานคุมประพฤติ นักทัณฑวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักสังคมวิทยา จิตแพทย์ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ล้วนมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมได้ทั้งสิ้น โดย บางส่วนอาจเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการสืบสวน หรืออาจเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการสอบสวน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กระบวนการสืบสวนสอบสวนในรูปแบบเดิมๆ มักถูกตั้งคำถามจากสังคม และไม่สามารถยืนยันให้เห็นถึงความโปร่งใสได้ เป็นเหตุให้สูญเสียความเชื่อมั่นในผลการปฏิบัติงาน ว่าไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม หรือเกิดจากความลำเอียง จากพฤติกรรมการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งข้างแบ่งสีฯลฯ การ ยึดติดกับรูปแบบการปฏิบัติ ไม่มีความยืดหยุ่น หรือยึดติดกับรูปแบบที่เคยใช้ต่อๆกันมา เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนยังคงล้าหลัง
แนวทางในการดำเนินการแก้ไขข้อจำกัดและอุปสรรคที่สามารถกระทำได้ง่าย และมีผลส่งเสริมให้การสืบสวนสอบสวนประสบความสำเร็จ และผลของการสืบสวนยังมีความแข็งแกร่ง น่าเชื่อถือมากขึ้น สรุปย่อได้ดังนี้ คือ
1. การบริหารจัดการและวางแผนแบบ Storyline (Steve Bell and Sally Harkness)
โดย การกำหนดบทบาท, หน้าที่และขอบเขตการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ครอบคลุมการปฏิบัติงานที่กระบวนการสืบสวนสอบสวน ต้องเข้ามีส่วนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง สัมพันธ์และเชื่อมโยง โดยอาศัยบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิ และมีประสบการณ์ด้านการสืบสวนสอบสวนมานาน และต้องมากเพียงพอ ในการจะวิเคราะห์ให้ได้ว่าการสืบสวนสอบสวน ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นประกอบด้วยสิ่งใด มีหน่วยงานใดที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบเจออุปสรรคใดบ้าง และมีสิ่งใดบ้างที่อาจ เกิดขึ้นได้ นักสืบสวนสอบสวนจะสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะะหน้าได้อย่างมีประสิทธภาพ เนื่องจากเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้แล้ว โดยกระบวนการนี้ต้องอาศัยความละเอียดอย่างมาก ต้องใช้ข้อมูลทุกอย่างทั้งศาสตร์และศิลป์ประกอบเข้าด้วยกัน แล้วตีแผ่ให้เห็นภาพองค์รวมทั้งหมด อย่างละเอียด ทั้งนี้เพื่อระบุอำนาจหน้าที่ และขอบเขตการปฏิบัติงานได้อย่างครอบคลุม และสามารถเตรียมแผนมาตรการในการแก้ไขข้อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นซ้ำได้อีก หรือภาษาชาวบ้านว่าเมื่อเดินไปแล้วต้องไม่สะดุดตอล้มลง หรือ เมื่อเดินไปแล้วสะดุดตอจะจัดการอย่างไร การวางแผนก่อนปฏิบัติการสามารถลดระยะเวลา เมื่อปฏิบัติงานจริงได้อย่างมาก
2.การจูงใจตามหลักการของ Abraham Maslow
ด้าน ความร่วมมือของประจักษ์พยาน, บุคลากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น จำเป็นต้องแยกอุปสรรคจากคน ออกจากหน่วยงานเสียก่อน แล้วปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนโดยต้องใช้วิจารญาณในเลือกใช้หลักการ 3 ข้อต่อไปนี้จัดการกับคน,เวลาและสถานที่อย่างเหมาะสม นั่นคือ (1) Win-win situation (2) แพ้ เพื่อชนะ และ (3) คิดนอกกรอบแต่ตั้งอยู่บนเหตุผลที่อธิบายได้ ทั้งนี้การใช้แนวคิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักสืบสวนสอบสวนต้องตระหนักและมีความเข้าใจ ว่าเป้าหมายหนึ่งเดียวของการสืบสวนสอบสวนคือสิ่งใด การที่ปฏิบัติงานโดยนึกถึงแต่จะการจะได้เป็นเจ้าของผลงานนั้น ก่อให้เกิดการแข่งขันในทางลบ คือแทนที่จะเป็นการแข่งขันเพื่อกระตุ้นให้เกิดความฮึกเหิม และเป็นแรงกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมายของการสืบสวนสอบสวน กลับกลายเป็นการขัดแข้งขัดขา การทำสงครามน้ำลาย และการแกร่งแย่งกันเอง เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ ก็เป็นชัยชนะบนความล้มเหลวพร้อมมีของแถมติดมา นั่นคือศัตรูและคู่อริ ดังมีตัวอย่างปรากฏให้เห็นแล้วในหลายหน่วยงาน การส่งเสริมให้เกิดมิตรภาพอันดี โดยการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน โดยวางแผนและจัดสรรให้ทุกฝ่ายได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ยกย่องให้เกิดความภาคภูมิใจเมื่องานสำเร็จ การยกย่องผู้อื่นให้สูงขึ้น มิใช่ความพ่ายแพ้ หรือเสียหน้า ตรงกันข้าม กลับเป็นชัยชนะ คือสามารถบรรลุเป้าหมายในภารกิจได้
3. นวัตกรรมการทำงาน
เป้า หมายในการนำใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียบร้อยและปลอดภัย อาจต้องมีการบูรณาการกับบุคลากรจากหน่วยงานอื่น หรือจัดฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ให้มีความรู้-ความชำนาญเพียงพอในการใช้ ประโยชน์จากนวัตรกรรมนั้น ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เช่นในกระบวนการจับกุมผู้กระทำผิด นอกจากการวางแผนล่วงหน้า มีการกำหนดยุทธวิธีที่ชัดเจน อาจนำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มน้ำหนักให้หลักฐาน เช่นการติดตั้งกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วเพื่อบันทึกวิดีโอ เก็บภาพพฤติกรรมของผู้กระทำผิดทุกขั้นตอน ทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติการ โดยที่ผู้กระทำความผิดไม่รู้ตัว จะช่วยลดความรุนแรงที่อาจเกิดขณะจับกุมได้ เนื่องจากช่วยลดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้กระทำผิด ในประเทศเกาหลี เขตพื้นที่กังนัม ได้ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด ทุกๆ 400-800 เมตร โดยกล้องนั้นจะหมุนและบันทึกภาพได้ 360 องศา โดยมีการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยเฝ้าระวังตลอดเวลา เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น เจ้าหน้าตำรวจสามารถไปถึงสถานที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว ผลจากการติดตั้ง CCTV ช่วยให้จำนวนการก่ออาชญากรรมในพื้นที่กังนัมลดลงอย่างมาก ต่อมาจึงมีการปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน นี่เป็นเพียงตัวอย่างจากการใช้นวัตกรรมทำงาน และนวัตกรรมเหล่านี้ยังมีอีกมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับนักสืบสวนสอบสวนจะเลือกใช้ให้
(อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้; NISI and KNPU)
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
การ ผสมผสานรูปแบบการสืบสวนสอบสวนเดิม เข้ากับแนวทางการสืบสวนแบบนิติวิทยาศาสตร์ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งกำลังคน, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอันทันสมัย ช่วยให้การปฏิบัติภารกิจ ในการสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การวางแผนทำให้รูปแบบการปฏิบัติภารกิจชัดเจน การแช่แข็งสถานที่เกิดเหตุโดยการบันทึกภาพและถ่ายวิดีโอ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน การจัดทำบันทึกและจดรายละเอียดในเอกสารสากล หรือแบบฟอร์มกลาง การบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติการ โดยละเอียดพร้อมกับแนบเอกสารต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือไว้ด้วย ทำการจัดเก็บอย่างเป็นสัดส่วน เพื่อง่าย สะดวก และชัดเจนในกรณีที่ต้องตรวจสอบ ทั้ง นี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหนึ่งเดียวของการสืบสวนสอบสวน คือการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นที่เชื่อมั่นไว้วางใจของประชาชน
โรคแพ้ไม่เป็น
โรคแพ้ไม่เป็น
รู้ไหมว่าทำไมโลกเราทุกวันนี้ สังคมถึงได้วุ่นวาย สับสนกันมากขึ้น
อย่าได้คิดโทษใครเลยที่เป็นอย่างนี้
พุทธศาสนาสอนว่าการจะดับทุกข์ได้ต้องรู้เหตุแห่งทุกข์เสียก่อน
เคยไหมตอนเราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่สอนเราว่าให้ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้สอบเข้าไปเรียน
โรงเรียนดีๆ
ส่งไปเรียนพิเศษบ้าง จ้างครูมาสอนเสริมบ้าง หวังให้เราเรียนเก่งกว่าคนอื่นและมีอนาคตดีกว่าเด็กคนอื่นๆ
หนังสือที่อ่านก็เป็นพวก ทำอย่างไรจึงจะชนะคนอื่น จึงจะสำเร็จ อย่ายอมแพ้ ล้วนมุ่งแต่เป้าหมายเป็นสำคัญ
เดี๋ยวนี้การต่อสู้เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลกันแล้ว ตัวเด็กเองยังไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ในสนามการต่อสู้นั้นแล้ว
และเมื่อเด็กทำสำเร็จจะมีแต่ผู้ที่ให้กำลังใจ ชมเชย รางวัลมากมาย
ไม่ต้องพูดถึงคนที่แพ้ว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้ใหญ่ปลูกฝังให้เขาเป็นผู้ชนะโดยไม่รู้ตัว
เด็กบางคนไม่เคยแพ้ และแพ้ไม่ได้
เคยได้ยินไหมครับว่าเด็กดีๆ บางคนสอบเรียนต่อไม่ได้อย่างที่หวัง ถึงกับฆ่าตัวตาย
ผู้ใหญ่ที่โตแล้วก็เถอะ ผิดหวังเรื่องความรัก ผิดหวังเรื่องงาน ถึงกับฆ่าตัวตายก็มี
คนเหล่านี้แพ้ไม่เป็น เคยแต่เป็นผู้ชนะ เราเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง
“ โรคแพ้ไม่เป็น ”
เชื่อไหมครับว่าโรคแพ้ไม่เป็นนี้จะเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้นกับผู้ที่มีความ รู้ การศึกษาที่สูงกว่า มีตำแหน่งที่สูงกว่า
ตอนเป็นเด็กเราวิ่งเข้าเส้นชัยช้ากว่าเพื่อน เราแพ้ เสียใจ แค่นั้น
พอ เป็นผู้ใหญ่เราแพ้เหมือนกัน แต่นอกจากเสียใจ เรายังมีเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ยิ่งถ้าเราเคยเป็นผู้ชนะ หรือมีตำแหน่งเป็นแชมป์อยู่ละก็ ศักดิ์ศรีที่เสียก็จะมากขึ้นทวีคูณ
ผู้ที่เป็นโรคแพ้ไม่เป็น พอแพ้ขึ้นมาก็จะไม่ยอมแพ้ จะสู้ หาทางเอาชนะให้ได้
ยิ่งหากมีการศึกษาสูง ศักดินาใหญ่โตขึ้น ย่อมทะเยอทะยานสูงทวีคูณ ยิ่งหาทางเอาชนะ เอาชนะ และทนไม่ได้ สุดท้ายหาทางออกที่รุนแรง
ชีวิตมันย่อมมีสองด้านเสมอ เหมือนเหรียญที่ก็มีหัวกับก้อย
สุขกับทุกข์ อิ่มกับหิว ชนะกับแพ้
หัดรู้จักอีกด้านหนึ่งเถิดเพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับมันเข้าสักที
เมื่อทุกข์ก็ต้องอยู่กับทุกข์ให้ได้และหาทางดับทุกข์นั้นเสีย
เมื่อแพ้ก็รู้จักยอมแพ้ซะบ้าง มิใช่ดันทุรังแต่จะเอาชนะอย่างเดียว
การยอมแพ้ไม่ใช่จะเสียไปซะทุกอย่าง บางครั้งสิ่งที่ได้รับกลับมา
อาจมีคุณค่ามากกว่าที่เราจะชนะซะอีก
การยอมแพ้บางครั้งทำให้เราได้เพื่อนกลับมา ทำให้เราไม่เสียคนรัก ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ฯ
เห็นไหมครับว่าการยอมแพ้ซะบ้างไม่เห็นจะแย่ตรงไหนเลย
จะดีตรงไหนถ้าชนะแล้วต้องเสียเพื่อน เสียงาน เสียเจ้านาย หรือเสียคนรักไป
บางคนเป็นโรคแพ้ไม่เป็นในที่ทำงานยังไม่พอ ยังไปเป็นที่บ้าน ที่ครอบครัวอีก
คิดเอาซิครับว่า ถ้าในบ้านมีแต่คนแพ้ไม่เป็น ต่างเอาแต่ชนะกัน จะวุ่นวายแค่ไหน
ยิ่งรู้มาก ยิ่งเก่งมาก ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งจะเอาแต่ชนะมาก ยิ่งไม่ยอมแพ้
จงแพ้เถอะ ถ้าการแพ้นั้นเพื่อให้คนอื่นๆ หรือส่วนรวมได้ชนะบ้าง
หัดรู้จักแพ้กันไว้บ้าง อย่าให้ตัวเองได้ชื่อว่าเป็น “โรคแพ้ไม่เป็น”
รู้ไหมว่าทำไมโลกเราทุกวันนี้ สังคมถึงได้วุ่นวาย สับสนกันมากขึ้น
อย่าได้คิดโทษใครเลยที่เป็นอย่างนี้
พุทธศาสนาสอนว่าการจะดับทุกข์ได้ต้องรู้เหตุแห่งทุกข์เสียก่อน
เคยไหมตอนเราเป็นเด็ก ผู้ใหญ่สอนเราว่าให้ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้สอบเข้าไปเรียน
โรงเรียนดีๆ
ส่งไปเรียนพิเศษบ้าง จ้างครูมาสอนเสริมบ้าง หวังให้เราเรียนเก่งกว่าคนอื่นและมีอนาคตดีกว่าเด็กคนอื่นๆ
หนังสือที่อ่านก็เป็นพวก ทำอย่างไรจึงจะชนะคนอื่น จึงจะสำเร็จ อย่ายอมแพ้ ล้วนมุ่งแต่เป้าหมายเป็นสำคัญ
เดี๋ยวนี้การต่อสู้เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลกันแล้ว ตัวเด็กเองยังไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ในสนามการต่อสู้นั้นแล้ว
และเมื่อเด็กทำสำเร็จจะมีแต่ผู้ที่ให้กำลังใจ ชมเชย รางวัลมากมาย
ไม่ต้องพูดถึงคนที่แพ้ว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้ใหญ่ปลูกฝังให้เขาเป็นผู้ชนะโดยไม่รู้ตัว
เด็กบางคนไม่เคยแพ้ และแพ้ไม่ได้
เคยได้ยินไหมครับว่าเด็กดีๆ บางคนสอบเรียนต่อไม่ได้อย่างที่หวัง ถึงกับฆ่าตัวตาย
ผู้ใหญ่ที่โตแล้วก็เถอะ ผิดหวังเรื่องความรัก ผิดหวังเรื่องงาน ถึงกับฆ่าตัวตายก็มี
คนเหล่านี้แพ้ไม่เป็น เคยแต่เป็นผู้ชนะ เราเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง
“ โรคแพ้ไม่เป็น ”
เชื่อไหมครับว่าโรคแพ้ไม่เป็นนี้จะเพิ่มความรุนแรงยิ่งขึ้นกับผู้ที่มีความ รู้ การศึกษาที่สูงกว่า มีตำแหน่งที่สูงกว่า
ตอนเป็นเด็กเราวิ่งเข้าเส้นชัยช้ากว่าเพื่อน เราแพ้ เสียใจ แค่นั้น
พอ เป็นผู้ใหญ่เราแพ้เหมือนกัน แต่นอกจากเสียใจ เรายังมีเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ยิ่งถ้าเราเคยเป็นผู้ชนะ หรือมีตำแหน่งเป็นแชมป์อยู่ละก็ ศักดิ์ศรีที่เสียก็จะมากขึ้นทวีคูณ
ผู้ที่เป็นโรคแพ้ไม่เป็น พอแพ้ขึ้นมาก็จะไม่ยอมแพ้ จะสู้ หาทางเอาชนะให้ได้
ยิ่งหากมีการศึกษาสูง ศักดินาใหญ่โตขึ้น ย่อมทะเยอทะยานสูงทวีคูณ ยิ่งหาทางเอาชนะ เอาชนะ และทนไม่ได้ สุดท้ายหาทางออกที่รุนแรง
ชีวิตมันย่อมมีสองด้านเสมอ เหมือนเหรียญที่ก็มีหัวกับก้อย
สุขกับทุกข์ อิ่มกับหิว ชนะกับแพ้
หัดรู้จักอีกด้านหนึ่งเถิดเพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับมันเข้าสักที
เมื่อทุกข์ก็ต้องอยู่กับทุกข์ให้ได้และหาทางดับทุกข์นั้นเสีย
เมื่อแพ้ก็รู้จักยอมแพ้ซะบ้าง มิใช่ดันทุรังแต่จะเอาชนะอย่างเดียว
การยอมแพ้ไม่ใช่จะเสียไปซะทุกอย่าง บางครั้งสิ่งที่ได้รับกลับมา
อาจมีคุณค่ามากกว่าที่เราจะชนะซะอีก
การยอมแพ้บางครั้งทำให้เราได้เพื่อนกลับมา ทำให้เราไม่เสียคนรัก ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ฯ
เห็นไหมครับว่าการยอมแพ้ซะบ้างไม่เห็นจะแย่ตรงไหนเลย
จะดีตรงไหนถ้าชนะแล้วต้องเสียเพื่อน เสียงาน เสียเจ้านาย หรือเสียคนรักไป
บางคนเป็นโรคแพ้ไม่เป็นในที่ทำงานยังไม่พอ ยังไปเป็นที่บ้าน ที่ครอบครัวอีก
คิดเอาซิครับว่า ถ้าในบ้านมีแต่คนแพ้ไม่เป็น ต่างเอาแต่ชนะกัน จะวุ่นวายแค่ไหน
ยิ่งรู้มาก ยิ่งเก่งมาก ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งจะเอาแต่ชนะมาก ยิ่งไม่ยอมแพ้
จงแพ้เถอะ ถ้าการแพ้นั้นเพื่อให้คนอื่นๆ หรือส่วนรวมได้ชนะบ้าง
หัดรู้จักแพ้กันไว้บ้าง อย่าให้ตัวเองได้ชื่อว่าเป็น “โรคแพ้ไม่เป็น”
ประเทศไทยเรานั้นมีนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่และมองการณ์ไกล อีกทั้งยังริเริ่มและวางแผนไว้ให้เราเรียบเร้อย นโยบายดีๆไม่ต้องไปหาจากที่ไหน
ประเทศไทยเรานั้นมีนัก ปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่และมองการณ์ไกล อีกทั้งยังริเริ่มและวางแผนไว้ให้เราเรียบร้อย นโยบายดีๆไม่ต้องไปหาจากที่ไหน หยุดวิ่งรนราน ควานหาสรรพสิ่งลวงตารอบตัวที่มาพร้อมกับวัตรกรรมใหม่ๆ ทั้งหลอกล่อ จนหลงลืมไปว่าเรามีเพชรน้ำหนึ่งแห่งศาสตร์ทุกด้านอยู่แล้ว เพียงแค่หยิบออกมาแล้วคิด ตีความในสิ่งที่พระองท่านเริ่มไว้ให้ก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว
เช่นหาก ถามว่า เศรษฐกิฐพอเพียงคืออะไร ? ที่พูดกันทุกวันๆ คนไทยทั้งประเทศมีความเข้าใจที่ตรงกันหรือเปล่า เมื่อเข้าใจต่างกันจะเกิดความเป็นปึกแผ่นอย่างไรได้ แค่เพียงทีวีวิทยุอาจไม่พอ เพราะชาวบ้านเขาทำมาหากิน เต็มที่ก็ฟังผ่านๆ จัดเจ้าที่ลงไปตามจุดต่างๆ เรียกประชุมลูกบ้านมาเข้าฟัง เคาะประตูทุกบ้าน อธิบาย อธิบาย และอธิบาย เมื่อถามความหมายต้องได้คำตอบเดียวกัน อย่าคิดว่าคำง่ายๆ แต่ความหมายกว้าง การจะให้คนตีความได้เหมือนกันนั้นยากนัก
ความหมายของคำว่า"พอเพียง" นโยบายดีๆมีประโยชน์ต่อประเทศจากนี้จนถึงอนาคต คืออะไร
ระบบเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นให้
- บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
- ใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของเงินของบุคคลนั้น โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน
- ถ้ามีเงินเหลือ ก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน
- ใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน
สาเหตุที่แนวทางการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพราะสภาพการดำรงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเกินตัว ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินกว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต
การ พัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้าง ค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และของประชาชนโดยสอดคล้อง ด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...
เช่นหาก ถามว่า เศรษฐกิฐพอเพียงคืออะไร ? ที่พูดกันทุกวันๆ คนไทยทั้งประเทศมีความเข้าใจที่ตรงกันหรือเปล่า เมื่อเข้าใจต่างกันจะเกิดความเป็นปึกแผ่นอย่างไรได้ แค่เพียงทีวีวิทยุอาจไม่พอ เพราะชาวบ้านเขาทำมาหากิน เต็มที่ก็ฟังผ่านๆ จัดเจ้าที่ลงไปตามจุดต่างๆ เรียกประชุมลูกบ้านมาเข้าฟัง เคาะประตูทุกบ้าน อธิบาย อธิบาย และอธิบาย เมื่อถามความหมายต้องได้คำตอบเดียวกัน อย่าคิดว่าคำง่ายๆ แต่ความหมายกว้าง การจะให้คนตีความได้เหมือนกันนั้นยากนัก
ความหมายของคำว่า"พอเพียง" นโยบายดีๆมีประโยชน์ต่อประเทศจากนี้จนถึงอนาคต คืออะไร
ระบบเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเน้นให้
- บุคคลสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
- ใช้จ่ายเงินให้ได้มาอย่างพอเพียงและประหยัด ตามกำลังของเงินของบุคคลนั้น โดยปราศจากการกู้หนี้ยืมสิน
- ถ้ามีเงินเหลือ ก็แบ่งเก็บออมไว้บางส่วน ช่วยเหลือผู้อื่นบางส่วน
- ใช้จ่ายมาเพื่อปัจจัยเสริมอีกบางส่วน
สาเหตุที่แนวทางการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในขณะนี้ เพราะสภาพการดำรงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบันได้ถูกปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุ้น ให้เกิดการใช้จ่ายอย่างเกินตัว ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินกว่าปัจจัยในการดำรงชีวิต เช่น การบริโภคเกินตัว ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตัวตามแฟชั่น การพนันหรือเสี่ยงโชค เป็นต้น จนทำให้ไม่มีเงินเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น ส่งผลให้เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดเป็นวัฏจักรที่บุคคลหนึ่งไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทางในการดำรงชีวิต
การ พัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้าง ค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และของประชาชนโดยสอดคล้อง ด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...
— พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517[1 ] (ตัดมาจาก วิกิพีเดีย)
วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน (ตอนที่ 2)
ก็อย่างที่บอกแหละนะ ว่าบางครั้งบล็อกก็เหมือนไดอารี เรื่องบางเรื่องมันคับข้องขัดใจ แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก อยากจะบอกว่าเพราะ ไอ้น้องใหม่ผ่านมาถึงวันนี้ มันไม่ใหม่แล้ว มันโดนดอกไหน ก็พยายามแก้เกมส์ไปทุกดอก บางครั้งก็เพื่อรักษาตัวรอด บางครั้งก็ป้องกันตัวเอง เคยร้องแร่แห่กระเชอหาคนช่วย แต่มันรู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์
ไม่มีใครหาญต่อกรหรือแม้แต่จะแตะต้อง ไอ้แมงสาบ คนรุ่นเดียวกันต่างก็ต้องอ่อนให้มัน ไอ้แมงสาบวางแผนกลับมาใหญ่ หลังไปได้ตำแหน่งใหม่ระยะหนึ่ง แล้วก็ลงล็อคตามแผนมันพอดี มันยิ้มร่าทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมไอ้น้องหน้าจืด ถึงได้มีความสำคัญถึงขนาดทำให้ไอ้แมงสาบมันเต้นได้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องเลย ถึงขนาดส่งสปาย ยามตัวเองไม่อยู่ หรือไปเหยียบบาทามันเข้า จะอะไรก็ช่าง วันนี้ไอ้น้องใหม่ไม่ใหม่ไร้เดียงสา ทำหน้างง เหมือนเก่า แม้จะทำไม่รู้สึกรู้สา ต่างคนต่างอยู่ แต่ก็นิ่งได้ไม่นาน พอทำงานไปสักพัก ก็โดนผีหลอก เดี๋ยวก็ผีกระดาษ ผีเอกสาร จนล่าสุดเจอผี ISO ผีคอมพิวเตอร์ ทำงานเสร็จ ออกมาวางไว้แผล็บเดียว หาย...ไม่ใช่แผ่นสองแผ่น เป็นปึกๆ จะตกจะหล่นก็ใช่ที่ เพราะทั้งปึก ก็ทำใหม่อีกรอบตามระเบียบ ครั้งแรกก็สงสัยเฉยๆ ครั้งที่สองหายทั้งแฟ้ม แพ็คใส่แฟ้มอย่างดี เหลือแต่แฟ้ม ผีกระดาษมีจริง ๆ
ทำไงก็ทำใหม่ ทำงานสองรอบ เพราะผีหลอก มันเลยหาญจะจับผี คนเดิมต้องปิดปากเงียบ และทนฟังวาทะเสแสร้ง แสดงความสามารถ และทนเห็นการแสดงออก พูดจาช่างดูดี ตีซี้ประจบประแจง แต่เบื้องหลัง มันเคยเห็นแจ้งทั้งความคิด-ความอ่าน ขนาดหาญจะขึ้นแทนเป็นหัวหน้ามันขัดลูกนัยน์ตาอย่าบอกใคร ได้แต่หวังใจ ท่านสารวัตรจะรู้ความจริงเอง เข้าสักวัน เพราะเชื่อมั่นในสัจธรรม แต่เปล่าดาย...แถมจะกลายเข้าทางโจร เฮ้อ
ไม่เขียนต่อคงจะดีกว่าครับผม มันไม่มีประโยชน์ซ้ำจะยิ่งไปย้ำซ้ำเติมไอ้รุ่นน้องนี่เสียเปล่าๆ เพราะมันโดนมาเยอะ เจ็บมาแยะ ยิงผมไปคุยไปถามกลัวจะทำให้แย่ไปอีก กำลังแรงใจก็พลอยจะถดถอยไปด้วย ขอให้เอ็งโชคดีไอ้น้องเอ้ยย
@@ หวังไว้ให้มีแต่สิ่งดีกว่าเดิม หรือไม่ก็อย่าเลวร้ายไปกว่าเดิม ก็พอครับผม เห็นหน้าไอ้รุ่นน้อง
ทีไร เหมือนมันร้องไห้ทุกที สู้สู้ สู้ไม่ได้ก็ถอยก่อน เนอะ ^^"
"ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน"
"ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน"
...มันคงจะดี ถ้าเราทุกคน คิดและถือปฏิบัติเช่นนี้
สังคมคงมีแต่เจริญๆ ขึ้น เพราะ "มนุษย์แมลงสาบ"หายไป
บางคนอาจแปลกใจ อะไรคือมนุษย์แมลงสาบ เรื่องมนก็มีอยู่ว่า ชาวต่างชาติบอกว่าคนไทยเพราะชอบทำตัวเหมือนแมลงสาบ เขามีเรื่องเล่าว่ามีนักวิจัยชาวต่างชาติคนหนึ่ง เขาทำวิจัยเรื่องแมลงสาบ วันดีคืนดีนักวิจัยคนนี้ก็เอาแมลงสาบเป็นโหล ใส่โหล แถมเปิดฝาโหลทิ้งไว้ ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศตนเอง พอถึงห้องวิจัย เขาก็หยิบโหลแมลงสาบออกมา แปลก!!`แมลงสาบในโหล อยู่ครบทั้งโหล ทำเอาเพื่อนงง
ว่าเหตุใดหนอ พ่อนักวิจัยหัวใสก็ตอบเพื่อน แปลเป็นภาษาไทยแล้วได้ความว่า ไอมั่นใจ 99.999% ว่าแมลงสาบในโหลจะต้องอยู่ครบโหล เพราะว่ามันเป็นแมลงสาบจากเมืองไทย :$ มันไม่มีทางปืนขึ้นมาถึงปากโหลได้ เพราะมันมาจากเมืองไทย ก็เลยมีนิสัยเหมือนคนไทย แม้ว่าโหลจะไม่สูงมาก แต่มันมีกันเป็นโหล มันต้องแย่งกันไต่ขึ้นที่สูง หมายใจไว้ที่ปากโหล แต่ครั้นไอ้แมลงสาบตัวข้างๆมันเห็นเข้า ก็กลัว
ตัวที่ปีนๆ ไต่ๆ อยู่จะแซงหน้ามัน ยอมไม่ได้ มันก็ตะเกียกตะกายทั้งถีบทั้งยัน ลากไอ้ตัวข้างบนลงมาหงายท้องเค้เก้ซะ ตัวจะได้ไต่ไปถึงปากโหลก่อน แต่ไอ้ตัวอื่นๆ ก็คิดเช่นกัน มันก็ดึงไอ้ตัวบนท้องหงายท้องลงมาเช่นกัน และมันก็ต่างดึงกันอยู่เช่นนั้น สุดท้ายก็ไม่มีตัวไหนไต่ไปถึงปากโหลสักตัว แมลงสาบทั้งโหล ล่วงลงมากองก้นโหล เหนื่อยฟรี ถ้ามันร่วมแรงกันผลักดัน แบบฮุย เร ฮุย โหลใบเล็กคงไม่อาจขังแมลงสาบเมืองไทยได้เป็นโหล นี่แค่น้ำจิ้มนะ แค่แมลงสาบจากเมืองไทย ก็ลองคิดเอาแล้วกันต้นฉบับมันจะขนาดไหน :$
แล้วคุณเคยเจอคนแบบนี้บ้างไหม ...ตอนเช้ามาทำงานทุกๆวัน ไปไหนมาไหนก็เป็นเหมือนเป็นคู่หู
Duo กัน "สารวัตรว่าไง ผมก็ว่าอย่างนั้น" ดูเผินๆเหมือนจะเป็นเพื่อนที่แสนดี เรื่องมันก็มีอยู่ว่า
สารวัตรท่านหนึ่ง ชอบซื้อไส้กรอกรมควันอันโตๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนฝูงกินตอนเช้าๆ ไอ้แมงสาบ Opp ไอ้คุณเพื่อนซี้คู่หูคนนี้ ก็กินตุ้ยๆทุกวัน ตกเย็นเลิกงานท่านก็จะกลับบ้านช้าหน่อย เบื่อรถติด ท่านก็
จะรวมกลุ่มเป็นสมาคมกินแมลงกัน หรือไม่ก็ไปนั่งหน้าปั้มสั่งน้ำตกหมูย่างส้มตำกินกันสนุกสนาน
ก็ว่ากันไปนู่น นี่ นั่น อยู่มาวันหนึ่ง เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ราคา 7 ล้านกว่าเกิดใช้การไม่ได้ ในช่วงเวลาสำคัญ ถึงตอนนี้คู่หูถึงกับตีลูกชิ่ง พอดีอยู่ในเหตุการณ์ หุ หุ ทิ้งให้ท่านสารวัตร 2 คน ก้มๆเงยๆ
แก้ไข หาสาเหตุซะงั้น ไอ้คู่หูแมงสาบหายเดินหายออกไปจากห้องซะฉิบ บอกแค่ว่า ผมเป็นประเภทหัวโบราณ ไม่เคยไปทำอะไรกับเครื่องอยู่แล้ว นู่นเลยไอ้รุ่นน้อง(เพิ่งย้ายมา ยืนมองตาปริบๆแกมสงสัย) เห็นนั่งเล่นเกมส์ แล้วก็เอาเพลงไปลงคอมพิวเตอร์ ก็ว่ากันไป ไอ้รุ่นน้องมาใหม่นี่ก็เพิ่งหนีร้อนมา ยังไม่รู้ความถึงกับตาเหลือก ก็เครื่องตั้งเจ็ดล้าน โยนมาให้ลูกเบ้อเร่อเลย มันแค่เปิดเกมส์ Solitaire เล่นเอง เพลงก็เป็นเพลงแอโรบิค เปิดจากแผ่นมาสเตอร์ มันทำให้เครื่องเสียได้เชียวหรือเนี่ย ดีว่าโชคช่วย อุ้ย..ช่างช่วยวิศวะประจำเครื่องมาตรวจหาสาเหตุออกมาจนได้ แต่ก็ต้องซ่อมกันใหญ่โต เนื่องจากไม่ได้ใช้งานนาน
และไม่มีการ warm เครื่องบ้างน่นเอง เฮ้อ รอดตาย! แต่ภาพตอนที่เห็นท่านสารวัตรถูกทิ้งให้ก้มๆเงยๆหัวชนกัน นั้นมันก็รู้สึกตำหนิในใจนิดหน่อย เนี่ย...แค่น้ำจิ้ม
...ต่อมาไม่นานไอ้เครื่องมือดังกล่าวอีกนั่นแหละ เกิดการอุดตันของสิ่งสกปรกขึ้นมา Engineer เขาได้แนะนำไอ้รุ่นน้องมือใหม่สนิทว่า ให้ถอดเอา Accessory ดังกล่าว ออกมาแช่กรด สิ่งที่ตันมันจะค่อยๆหลุดออกไปเอง แต่แค่คำพูดเอ็นจิเนีย มีหรือจะเท่าทันความฉลาด คราวนี้ถึงคราวรุ่นน้องถูกหวยบ้าง
ไอ้คณพี่แมงสาบผู้มีวาทะศิลป์เป็นอาวุธ พูดคำชมสองคำ พูดสองคำชมไปห้าคำ ช่างฟังระรื่นหู โบราณว่า"คนด่าไม่ให้โกรธว่ายากแล้ว แต่คนชมไม่ให้ยิ้มนี่สิยากกว่า" ไม้นี้ยังเป็นทีเด็ดและใช้ได้ดีเสมอมา แบบเสมอต้นเสมอปลายทุกยคสมัย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ขอกลับเข้าเรื่องมาที่ไอ้คุณรุ่นพี่แมงสาบ ผู้มีความคิดต่างอย่างแร๊ง! คิดว่าแค่เอาลมแรงๆเป่าเข้าไปก็หลุดแล้ว และก็จริงตามนั้น...มันหลุดออกมาจริงๆ หลุดมาทั้งสิ่งสกปรกพร้อมตัวมันเองด้วยเลยทั้งชิ้น ภาษาบ้านเจ้าของบล็อกเรียกว่า "แตก" เพราะมันเป็นแก้ว แต่ไอ้คุณรุ่นพี่ว่าเค้าไม่ได้ทำนะตัวเอง นู่นเลย เป็นรุ่นน้องอีกคนทำ ปิว...ววว ก็แล้วใครให้มันทำ
เนี่ย??!! ครั้งนี้ท่านสารวัตรผู้อาวุโสกว่า บอกว่าไม่เป็นไร แตกก็ซื้อใหม่ เสียก็ทำเรื่องแจ้งซ่อม ของมันเสียกันได้ (แต่ถ้าเชื่อวิศวะกรแต่แรก มันคงไม่แตก(มั๊ง) แต่ฟังดูก็ไม่น่าจะมีอะไร ง่ายดี แต่ต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากซะก่อน ไอ้รุ่นพี่แมงสาบกลับเห็นไม่ตรงกัน ทั้งที่ผู้หลักผ้ใหญ่ก็ช่วยทำให้เป็นเรื่อง
เท่าขี้เล็บแล้วแท้ๆ แต่คงถึงคราวชะตาไอ้น้องที่เพิ่งย้ายมาไม่นานจะถึงเส้นตาย หนีร้อนมาได้น้ำใหม่ไม่ทันไร โดนแจ็คพ็อต แต่ไม่ใช่รางวัลที่หนึ่ง เป็นอะไรเดี๋ยวมาดูกัน ไอ้รุ่นน้องหน้าจืดนี่ก็ไม่ได้ใหม่มาจากไหน แค่เป็นปลาใกล้ตาย ได้ท่านสารวัตรช่วยไว้ก่อนน้ำจะแห้ง เลยขอตามมาพึ่งพา ก่อนจะออกมาเจ้านายเก่าเตือนไว้เป็นลางบอกเหตุ
"ไปอยู่ที่ใหม่ระวังจะมีปัญหากับไอ้รุ่นพี่แมงสาบที่แสนดีนี่แหละ
แต่มันไม่เชื่อแถมเถียงแทน พี่เขาเป็นผ้ใหญ่แล้ว และมันเองก็มักคุ้นกับระบบ
Seniority ดีเนื่องจากเคยไปเตร็ดเตร่่แถวกระทรวงกลาโหมบ่อยๆ
ก็ไม่น่ามีปัญหา" กระดี๊กระด๊าอยู่ไม่นานก็ถึงคราวซวย ไอ้เครื่องเจ้าปัญหาอีกตามเคย ต่อเนื่องจากไอ้ชิ้นที่แตกนั่นแหละ ทั้งหัวหน้าและท่านสารวัตรผู้เป็นนาย ต่างก็ว่าส่งซ่อม ซื้อใหม่ แต่เช้าเลย วันนั้นมีอบรมวิชาการ ไอ้น้องใหม่ร้ายบริสุทธ์เตรียมจะเข้า class วิ่งผ่านเจอไอ้คุณรุ่นพี่แมงสาบก็แถไปทักทาย เนื่องจากมันไม่ใช่หมอดูเลยไม่รู้ชะตาชีวิต แถมยังไปบอกท่านแมงสาบผู้มีวาทะศิลป์ดลบันดาล พูดต่อหน้าอย่าง ลับหลังกรุไม่รู้ว่า ถามท่านสารวัตรแล้ว ท่านบอกว่าให้ทำให้แจ้งซ่อม ซื้อมะ มะ มะ ใหม่ ยังไม่จบประโยค ก็โดนสวนมานิ่มนวล แต่คนฟังถึงกับสะดุ้งและเคืองกรุ่นๆ ด้วยประโยคที่ว่า "ทำไมชอบไปฟังคำพูดหมาข้างถนนที่ไหนพูด เขาไม่ใช่คนใช้เครื่อง จะมารู้ดีกว่าพี่ได้เยี่ยงไร T T แต่ไอ้น้องใหม่คงแสดงออกทางสีหน้าชัดไปหน่อย "พี่รู้นะว่าเราเคารพนับถือเขา (เออ แน่ะ รู้แล้วพูดมัยว้าา.. ยกตัวอย่างดีๆกว่านี้ไม่ได้หรือไง) กินก็กินของเขา ทุกวัน แต่ลับหลังเรียกอีกฝ่ายว่า "หมาข้างถนน" มันก็ฟังทะแม่งๆ วาทะศิลป์ดีแต่ต้องหัดยกตัวอย่างใหม่ จะได้ฟังไพเราะขึ้น มันว่าไปนั่น ยกตัวอย่างซะเสียหาย
อย่างนี้เรียก ขายเพื่อนหรือเปล่า
เขาตอบว่า เปล่า เพราะ ไม่ขายเพือน สำหรับเขาคือ...
ไม่ขายเพื่อนที่สนิทเป็นมิตรแท้
มิตรเทียมแย่ หากเกลือกกลั้ว จะมัวหมอง
มันกับข้าแค่เพื่อนกินใช่พี่น้อง
จึงมิต้องกังวลใจ ไปสนมัน ? ? ?
เวลากินร่วมแจมยิ้มแก้มใส
เวลาตายเอ็งไปก่อน ข้าทีหลัง
หัวหน้าสูงสุดไม่ใช่..กระนั้นเลย อย่าไปฟัง
เคารพบ้าง เป็นบางครั้ง..เวลากิน ...
ย้อนมาที่ไอ้น้องใหม่ร้ายบริุทธิ์ ฟังหลายเรื่อง แต่ละเรื่องมันสะดุ้งทุกครั้ง เพราะมันนับถือท่านสารวัตร
อยู่จริงๆ แต่ต้องฟังคนอื่นพูดว่าด้วยคำพูดแรงๆ ได้แต่คิดในใจ เขาเป็นคนที่ยกตัวอย่างไม่เก่ง ขณะกำลังสาธยายความดีผู้อื่น ด้วยวาจาแสลงหูนู่น นี่ นั่น ... จะเป็นเคราะห์หรือกรรมไม่รู้ ที่ไอ้รุ่นน้องคนนี้ทีแรกก่อนจะวิ่งมามันกด Record บันทึกเสียงไว้ เพราะคิดว่าเดี๋ยวรุ่นพี่อาจจะสอนงาน เลยใช้ MP3 ช่วยอัดเสียงกันลืม ส่วนรุ่นพี่แมลงสาบ ก็พูดๆ ๆ ๆ ตั้งแต่ หมาข้างถนน ด่าฝรั่ง จนพาดพิงถึงวิศวะกร ที่ชอบเข้ามาสร้างความฉิบ-าย แล้วก็ไป ทุกครังที่มาทำ PM ทุกถ้อยคำ ถูกบันทึกไว้หมด โดย MP3 ตัวน้อยๆ (ขนาดเกาหลีที่ว่าแน่ ยังจับไม่ได้ว่าเป็นเครื่องอัดเสียง แต่รุ่นพี่แมลงสาบกลับสังเกตเห็นแสงไฟกระพริบๆ ตรงคอเสื้อ วิ๊บ วิ๊บ ถามว่านั่นคืออะไร และขอดู เพราะคงคลับคล้ายจะเคยเห็นพฤติกรรมทำไว้ก่อนหน้านี้ เลยขอเครื่อง mp3 แล้วหยุดพูดเรื่องเสียๆหายๆทันที ใช้วิธีเขียนใส่กระดาษแทน งานเข้าแบบไม่ได้ตั้งใจ....ปิวววว
ไอ้รุ่นน้อง มันฟังแล้วเคืองๆ ทำไมต้องทำขนาดนี้ ไม่มีอะไรซกหน่อย ก็เครื่อง MP3 ทำไมต้องเอาไปให้ได้ มันไม่ได้ส่ง MP3 ให้เพราะกลัวจะโดนลบออกทั้งไฟล์ เดี๋ยวจะติดไฟล์อื่นไปด้วย ก็เลยเดินหนีมาเฉยๆ
แล้วมันก็คงจะผ่านไป แต่ทว่า...มันหารู้ไม่ว่า บัดนี้ รุ่นพี่แมงสาบได้จดเป็นความผิดลงบัญชีหนังหมาไว้เรียบร้อยแล้ว วิทยากรจากต่างประเทศมาสอนงานให้ ได้ยินเสียงถังแก๊ซ blow ระบายความดัน ทั้งถี่ ทั้งดัง ผิดปกติ ก็เลยแนะนำว่า แบบนี้น่าจะ Claim ได้ ทั้งหัวหน้าและท่านสารวัตรกับวิศวะกรที่มานั่งฟังก็ถกกัน แล้วก็เห็นด้วย แต่รุ่นพี่แมงสาบยืนกรานว่า Claim ไม่ได้ บ่ายวันนั้นเอง
น้องใหม่ขออนุญาตุไปหาแม่ที่ร.พ. กลับมาถึงตอนบ่าย ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เดินผ่านห้อง อีกแล้วครับท่าน
โดนเรียกเข้าห้องเย็น เข้าไปถึงก็บอกว่า เดี๋ยวแก็ซถังหน้าให้เอ็งจัดการ สั่งแล้วก็จองที่จอดรถ ติดต่อยาม
เองเลยนะ จะได้รู้ว่ามันยุ่งยากแค่ไหน ไอ้เด็กใหม่ยังงงๆ แต่ก็รับคำ นั่น...คงผิดหู พอถามว่าเป็นอะไร
ทำไมใครว่าอะไรอีก รุ่นพี่แมงสาบก็บอกเลยเอ็งไปไหนมาล่ะ ข้าโดนรุมด่าอยู่คนเดียว สามคนรุมด่าเขา แม้จะไม่เข้าใจก็เพราะมันไม่เข้าใจนั่นแหละ กรุไปเกี่ยวอารายว้าา...ก็ผ่านไป...จบมั้ย
เรื่องเล็กๆทั้งนั้นเลย ให้ตาย พอดีเจ้าของบล็อกรับรู้ตลอด ตกเย็นวันเดียวกัน ไอ้น้องใหม่โดนอีก เห็นเดินบ่นนั่น บ่นนี่ แล้วก็ตบท้ายที่ว่าเอ็งได้เปรียบข้า ตรงที่เอ็งได้ภาษาอังกฤษ แต่อย่านึกว่าเอ็งจะชนะข้าได้นะ ???!!!?? งง ยัง งง มันเกี่ยอารายกันว้า ถ้าเขาไม่พูดก็คงไม่มีใครคิด แต่เขาพูดเองว่าที่ไม่ค่อยพูด เพราะเขาไม่สันทัดภาษาอังกฤษ อืม..มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่ เราสักหน่อย
ไอ่น้องใหม่ทำตาปริบๆ แกมงงๆ ว่า แล้วกุคิดจะไปเอาชนะเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย จากนั้นก็ไอ้พี่แมงสาบก็ปิดประตูห้องเข้าไปพบหัวหน้า แล้วแจ้งว่าจะไม่สอนงานไอ้หน้าจืดที่มาใหม่นี่ต่อไปแล้ว
แต่เพิ่งมารู้ทีหลังจากท่านสารวัตรว่า วันหนึ่งไอ้พี่แมงสาบนี่ก็เดินมาปรารภว่า จะไม่ขอสอนงานให้น้องใหม่นี่แล้ว แต่ท่านสารวัตรไม่ได้บอกอะไรเป็นอะไร (แต่ที่บอกหัวหน้าใหม่ไปนั่นสิ ดีนะที่กรุไม่ได้ยิน)
ถามว่า อย่างนี้เขาเรียกว่าฆ่าน้อง หรือเปล่า คำตอบคือ
เปล่า เพราะรุ่นพี่แมลงสาบคงคิดว่า...
ไม่ฆ่าน้อง ถ้าน้องดี มีสัจธรรม
หากระยำ ชั่วช้า อย่าปล่อยไว้
กุต้องการ แค่ไฟล์เสียง ที่อัดไป
เมิงไม่ให้ จึงสมควรตาย กุจะไม่ไว้ชีวา
ทั้ง Spoil Spy และป้ายสี
ยิ่งเมิงมีจุดอ่อนจุดอ่อน กรุจัดให้
ถ้ามึงล้ม
กรุยิ่งซ้ำ ให้บัลลัยล์
กระทืบเหยียบให้สาใจ
ก็ใครใช้ให้เมิงอวดดี
ไม่ลงให้กรุ นี่คือก้าวร้าว ไม่อยากบอกเลยว่า ไอ้รุ่นน้องหน้าใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ที่หนีร้อนหวังมาพึ่งเย็น มันจะอึดอัดแคไหน เพราะสองเดือนผ่านไป โดนแกล้งใช้ให้ทำอะไรไม่รู้ นู่น นี่ นั่น ไม่ใช่งานเลย จนบางวันมาร้องไห้กับเจ้าของ
บล็อค เพราะคับแค้นใจ จะบอกท่านสารวัตรก็เกรงใจ ด้วยเห็นว่าบุญคุณที่ช่วยมาก็มีก็มากแล้ว ไม่อยากเอาปัญหาไปเพิ่มให้ท่านอีก ก็ไม่เคยบอกท่าน แต่เหมือนท่านจะรู้เอง จากไหนอันนี้ไม่ยืนยัน ว่าท่านรู้ที่มาที่ไปแค่ไหน เพราะถูกเก็บเงียบไว้ ไม่แพรมทั้งที่ระหองระแหงตลอดเวลา ขนาดวันหนึ่งท่านสารวัตรต้องไปมาเลเซียกับคู่หูคู่ซี้แมงสาบนี่ละแต่มันก็มีเรื่องยุ่งให้สะสางเยอะ ฟีดแบ็คคงไม่ดี สารวัตรถามไอ้รุ่นน้องว่าเอ็งคิดว่า
ไอ้รุ่นพี่แมงสาบเป็นคนยังไง มันก็ตอบไปเหมือนกันว่าไม่มีความเห็น ทั้งที่ในใจ(มันโดนมาเยอะ นึกไปถึงเหตุการณ์หนึ่ง ที่ผ่านมาไอ้รุ่นน้องกลิ้งท่อแก็ซหลุนๆ แต่มันคงหนักเอาการอยู่ จึงถูกแก๊ซท่อที่ภายในบรรจุก็าซฮีเลียมล้มทับ พับเพียบลงต่อหน้าต่อตารุ่นพี่แมลงสาบ ..เจ็บ ลุกก็ไม่ไหวมันทับเบาๆ ที่่ไหน ชิชะมาเซลอน แต่รุ่นพี่แมลงสาบไม่เพียงไม่ช่วย หันมาบอกว่าเดี๋ยวขอไปโทรศัพท์ก่อน น้ำใจอ่ะนะ..ดำ !!เดินทิ้งไปซะงั้น คงตั้งใจให้น้องมันโดนท่อแก๊ซทับตายไปเลย...โทรศัพท์สายนั้น สำคัญกว่ากรุอีก
ผลสุดท้าย มันต้องเรียก รปภ. ที่บังเอิญผ่านมา ให้ช่วยยกขึ้น เดินไม่ได้เป็นอาทิตย์ มันเริ่มแน่ใจว่ารอยร้าวนี้ประสานยาก จากที่เคยเลี่ยงๆ หลบๆ เอาข้างเข้าปะทะ มาวันหนึ่งที่แน่ชัดมันถามว่ารุ่นพี่ที่เคยใจดีคนนั้นหายไปไหน แล้วคำตอบที่ไอ้แมงสาบให้มาคือ ตายไปแล้ว ตั้งแต่นั้นมันก็มั่นใจว่าต่อไปนี้ มันคงต้องช่วยเหลือตัวเอง แต่โชคยังดี ที่มีสารวัตรผู้เป็นนาย คอยเมตตาสอนวิชาความรู้ให้)
คอยดูแล-ห่วงใยเป็นทั้งนาย ทั้งเพื่อน มีแค่สารวัตรผู้เป็นนาย ก็เพียงพอแล้ว มันก็เลยไม่สนใจไอ้แมงสาบต่อไป ใช้คำว่าพี่ไม่ได้แล้ว เพราะพี่มันตายไปแล้ว คาดว่ายิ่งทำให้มันดูก้าวร้าว และอวดดียิ่งขึ้นไม่เคยจบลง จนปัจจุบัน
ไม่ฟ้องนาย เมื่อนายดี มีน้ำใจ
หากนายไร้คุณธรรม จำต้องร้อง
ตัวกรุเก่งสารพัด ทุกอย่างกรุถนัด มันเข้าทำนอง
ถึงเวลาต้องเลื่อนขั้นขึ้นเทียบนาย
กรุเข้าหาผู้ใหญ่ และใหญ่กว่า
อำนาจพาบารมีบ้า เข้าผสม
พันธมิตรผลประโยชน์ผลัดกันชม
หน้าชื่นมื่นเพราะคำคมคารมดี
ขวางโครงการงานคนอื่นไม่อนุมัติ
ยุให้จัดเข้าทางตนก็กรุสนใจนี่
เสี้ยมผู้ใหญ่ให้มีเขา เอ้อแหนะ...ท่านดูเข้าที
แต่กรุเบ่งบารมี..เมื่อลับหลัง ทุกครั้งไป
เป็นเวลา กว่า 3 ปี ที่รุ่นพี่แมลงสาบ มันชักดาบมาแทงข้างหลังไอ้น้องหน้าจืด ทุกวี่วัน ด้วยเพราะคารมเป็นต่อ พูดจาภาษาดอกไม้ พูดอะไรนี้ ยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้วเลย พอหนักเข้าโดนทุกดอกแถมโดนทุกวัน คงยากที่จะบอกว่า ไม่เป็นไร
จะให้แบ่งแยกเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานแรกๆก็พอจะทำได้ แต่เมื่อรู้แจ้งแน่แท้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ ยอมความไม่ได้ ก็เห็นจะต้องยอมให้มันขาดกันไปเลย ไม่ต้องไว้หน้ากันอีกแล้ว มีอะไรก็ให้ไปคุยต่อหน้าหัวหน้า จากที่ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต รุ่นน้องก็มีขีดจำกัดของมัน มาท้าให้ไปคุยต่อหน้าผู้ใหญ่ เหย็งๆ คงเดือด ผลุสวาทขึ้นมา ไปก็ไป จะพูดให้หมดทุกเรื่องเลย กระแทกเสียงเอาจริง
ไอ้รุ่นแมลงสาบ เพราะตอนนี้ไม่ถือว่าเป็นพี่แล้ว คงนึกได้ มันมีบันทึกเสียงตัวต้นเหตุ อาจจะวายชีพได้ เดินมาครึ่งทางเปลี่ยนใจกระทันหัน แต่เมิงอย่างหวังว่าจะจบ และมันก็ไม่เคยจบ
จงรู้จักแยกแยะและไตร่ตรอง
อย่าเพียงท่องบ่นรู้...แบบงูปลา
เรื่องราวต่อไปยังเข้มข้น ปนความทุกข์ ติดตลกนิดๆ หลังจากเปิดปากและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ก็ต้องจุกจนเจ็บ เมื่อไอ้น้องใหม่ที่เริ่มเก่าต้องเจอกับผี...ผีกระดาษ ผีเอกสาร ผีคอมพิวเตอร์ มันไม่ตลกเลย
จะให้แบ่งแยกเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานแรกๆก็พอจะทำได้ แต่เมื่อรู้แจ้งแน่แท้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ ยอมความไม่ได้ ก็เห็นจะต้องยอมให้มันขาดกันไปเลย ไม่ต้องไว้หน้ากันอีกแล้ว มีอะไรก็ให้ไปคุยต่อหน้าหัวหน้า จากที่ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต รุ่นน้องก็มีขีดจำกัดของมัน มาท้าให้ไปคุยต่อหน้าผู้ใหญ่ เหย็งๆ คงเดือด ผลุสวาทขึ้นมา ไปก็ไป จะพูดให้หมดทุกเรื่องเลย กระแทกเสียงเอาจริง
ไอ้รุ่นแมลงสาบ เพราะตอนนี้ไม่ถือว่าเป็นพี่แล้ว คงนึกได้ มันมีบันทึกเสียงตัวต้นเหตุ อาจจะวายชีพได้ เดินมาครึ่งทางเปลี่ยนใจกระทันหัน แต่เมิงอย่างหวังว่าจะจบ และมันก็ไม่เคยจบ
จงรู้จักแยกแยะและไตร่ตรอง
อย่าเพียงท่องบ่นรู้...แบบงูปลา
เรื่องราวต่อไปยังเข้มข้น ปนความทุกข์ ติดตลกนิดๆ หลังจากเปิดปากและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ก็ต้องจุกจนเจ็บ เมื่อไอ้น้องใหม่ที่เริ่มเก่าต้องเจอกับผี...ผีกระดาษ ผีเอกสาร ผีคอมพิวเตอร์ มันไม่ตลกเลย
to be continue>>
How to make your brain always fresh
How to make your brain always fresh
1.จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์ สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คน ไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การ ตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุก ครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่ง ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกซิเจน 20 .25% ของออกซิเจน ที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การ มีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม
1.จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์ สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คน ไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การ ตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุก ครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่ง ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึก เขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกซิเจน 20 .25% ของออกซิเจน ที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การ มีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ศาสตร์ด้านนิติวิทยาศาสตร์ หรือ Forensic science
ส่วน Criminalistics หรืออาชญาวิทยา นั้น เป็นสาขาวิชาที่มุ่งศึกษาเพื่อการอธิบาย สาเหตุของการกระทำความผิดของอาชญากร (ผู้กระทำผิด) ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 สาเหตุหลักๆ คือ
- การกระทำความผิดที่เกิดจากปัจจัยทางชีวภาพ
- การกระทำความผิดที่เกิดจากปัจจัยทางจิต
- การกระทำความผิดที่เกิดจากปัจจัยทางสังคม ทั้งนี้ก็เพื่อการระวังป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการในลักษณะเดียวกันอีก
วิธีรับมือวัตถุระเบิด และทำความรู้จักเจ้าหน้าทื่ EOD
22 ธันวาคม 2553
๑. วัตถุระเบิดคืออะไร วัตถุ ระเบิดคือ สสารที่เมื่อถูกความร้อนการกระแทกการเสียดสีที่พอเหมาะจะเกิดการเปลี่ยนสภาพ จากสถานะเดิมไปเป็นแก๊สปริมาณ มหามาร ในเวลารวดเร็วซึ่งเราใช้ความสามารถนี้นำมาใช้ประโยชน์ทั้งที่ดีและไม่ดี
๒. วัตถุระเบิดแสวงเครื่องคืออะไร วัตถุระเบิดแสวงเครื่องคือการนำสารเคมีหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ หรือหาได้ง่าย นำมาทำเป็นวัตถุระเบิด โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบสิ่งของที่เห็นในชีวิตประจำวัน
๓.องค์ประกอบของวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่สมบูรณ์ ประกอบด้วย
๓.๑ ดินระเบิด
๓.๒ เชื้อประทุ
๓.๓ แหล่งจ่ายไฟ
๓.๔ สวิชควบคุมการจุด
๔.เราจะป้องกันการลอบวางระเบิดได้อย่างไร
๔.๑ หัดเป็นคนช่างสังเกตุ
๔.๒ หัดเป็นคนช่างสงสัย
๔.๓ เป็นคนไม่ประมาท
ซึ่ง ๓ ข้อข้างต้นจะนำมาเป็นข้อพิจารณาว่าวัตถุใดเข้าข่ายวัตถุต้องสงสัยบ้าง
๕.วัตถุต้องสงสัยมีลักษณะดังนี้
๕.๑ ไม่เคยเห็น ว่าเคยมีอยู่ เคยตั้งอยูในบริเวณนั้น
๕.๒ ไม่เป็นของใคร หรือตามหาเจ้าของไม่พบ
ใน ๒ ข้องแรกนี้เราสามารถพิจารณาว่าเป็นวัตถุต้องสงสัยได้เลยทันที่
๕.๓ ไม่ใช่ที่อยู่ ไม่ควรจะอยู่ในบริเวณนั้น เช่น กระเป๋าไปอยู่ในถังขยะ ถังดับเพลิงอยู่ใต้ถนน
๕. ๔ ดูไม่เรียบร้อย เช่นมีสายไฟโผล่ออกมา มีคราบน้ำมัน ( ในปัจจุบันพื้นที่ ๓ จชต. ทำได้เรียบร้อยมาก แถมสวยงามและคุณภาพดีน่าส่งเสริมให้เป็นสินค้า โอทอป จริงๆ )
๖.เมื่อพบแล้วจะทำอย่างไรซึ่งเราจะแยกเป็นประชาชน และเจ้าหน้าที่
เมื่อประชาชนพบ วัตถุต้องสงสัย ที่คาดว่าจะเป็นวัตถุระเบิด
- ห้าม แตะหรือจับ หรือพยายามขยับเคลื่อนที่เจ้าสิ่งนั้นเป็นอันขาด
- ถาม หาที่มา-ที่ไป ว่ามีใครเป็นเจ้าของหรึอไม่
- จดจำ ลักษณะของวัตถุต้องสงสัย ขนาดรูปร่าง วางตรงไหน มีอะไรอยู่ใกล้ๆบ้าง
ที่จะเกิดอันตรายหรือเพิ่มอันตรายเมื่อเกิดการระเบิดขึ้น เช่น แถวนั้นมีถังน้ำมัน วัตถุไวไฟหรือไม่
- และแจ้งเจ้าหน้าที่ พี่ๆ EOD ให้มาดำเนินการจัดการกับเจ้าสิ่งต้องสงสัยนั้นโดยเร็ว อย่าริทำเป็นพระเอก
นอกจอ หรือหาญเข้าไปทดลองด้วยตัวเองนะครับ เพราะท่านไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่ 2 ถ้ามันเป็น ระเบิด!!
สำหรับเจ้าหน้าที่
- กั้นพื้นที่ปลอดภัยและไล่คนไม่เกี่ยวข้อง ออกไปจากพื้นที่ การกั้นเขตปลอดภัยต้องกั้น
อย่างน้อย ๑๐๐ เมตร ซึ่งผมว่าหากท่านบังเอิญอยู่แถวนั้น อย่ามุงเลยครับ ลี้ร้อยลี้ ดีที่สุดครับ
- บอกให้ผู้พบเห็นรอบอยู่ในพื้นที่นั้นก่อน
- ถามลักษณะของวัตถุต้องสงสัยอย่างละเอียด
- เรียกหน่วยงานที่จำเป็น เช่นรถพยาบาล รถดับเพลิง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เจ้าของสถานที่ ( ถ้ารถพยาบาลไม่มีเอาปอเต็กตึ๊งก็ได้ )
- แจ้งเจ้าหน้าที่ EOD. แล้วรอเท่านั้น ครับ และขอให้รอไกลๆ หรือถ้าจะมีที่กำบังตนเองก็จะขอบคุณตัวท่านแหละครับ
บางท่าน อาจสงสัยว่า EOD. คืออะไร ใช่ LCD หรือเปล่า ทำไมต้องรอมัน หรือเข้าไปกู้ระเบิดเองได้มั้ย อย่างที่บอกแล้วครับสำหรับระเบิด ท่านไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่ 2 พี่ปอ(เต็กตึ๊ง) พี่ร่วม(กตัญญู) ที่เรียกมาอาจจะได้ทำงาน และท่านก็จะได้ลงหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นเวลาอย่างน้อย ๑ วัน ครอบครัวจะได้เงินใช้ เมียจะมีผัวใหม่ ลูกจะได้รับราชการ ถ้าท่านพอใจของแถมเหล่านี้ ผมก็ขอว่าอย่าเข้าไปตอบสนองความต้องการของตัวเองตอนนี้เลย ...วกกลับมาที่
EOD. ซึ่งย่อมาจาก EXPLOSIVE ORDNANCE DISPOSAL หรือ เจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุระเบิดซึ่งในประเทศไทยมีมากมาย ทั้งทหารบก เรือ อากาศ ตำรวจ ซึ่งจะต้องจบหลักสูตรทำลายวัตถุระเบิดก่อน
จึงจะทำงานด้านนี้ได้ ถามว่าทำงานแบบนี้กลัวมั้ยขอตอบว่าไม่กลัวซะเมื่อไหร่ครับ กลัวตายทุกคนน่ะแหละยังไม่มีเมียเลยจะตายก่อนได้ไง( ความหวังสูงสุดในชีวิต อิอิ ) ซึ่งถ้าท่านทำตามการปฏิบติที่ผมกล่าวมาข้างต้นแล้วเจ้าหน้าที่ EOD. จะดำเนินการต่อไปเองครับ โดยเราจะเน้นการทำงานแบบเข้าคนเดียวก็ตายคนเดียว เพื่อนๆ จะคอยเป็นกำลังใจอยู่ห่างและเตรียมเครื่องมือให้ทำงานเท่านั้น และผมอยากจะบอกว่าประชาชนทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าพบตอนยังไม่ระเบิด ผมจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ ไว้ให้ได้ แต่ EOD. ยังมีปัญหาอีกอย่างครับ คือเครื่องมือไม่มีที่จะทำงาน แม้แต่ชุดป้องกันสะเก็ดระเบิดอย่างในหนัง เข้าไปทำงานตัวเปล่าๆ ตลอด ถ้าท่านเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ พอจะให้การสนับสนุน หรืออนุมัติงบจัดซื้อให้ก็จะเป็นการสร้างกุศลกรรมอย่างยิ่ง แต่ขอให้ถามเจ้าหน้าที่ก่อนว่าอยากได้เครื่องมืออะไรรุ่นไหน ขอเลือกเครื่องมือเองครับถ้าตายจะได้ไม่โทษใครเพราะเลือกเอง เพราะว่าปัจจุบันพี่ๆ ฝากบอกว่าเสี่ยงมาก เครื่องมือไม่มีความพร้อม ตามหลังผมได้ แต่ 50-50 ครับ ไม่มีใครการันตีที่ 100% ผมก็แค่อยากให้พี่ๆ EOD มีกำลังใจและมีความมั่นใจในการทำงานแล้ว ครับ ถ้าเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานแบบไม่มั่นใจ แล้วจะเข้าไปช่วยใครที่ไหนได้ล่ะครับ เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ EOD ทุกคนครับผม
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากพี่ๆ EOD ประจำภาคใต้ ทุกๆคนนะครับ
เววังค์เรื่องวิธีรับมือวัตถุระเบิด ก็เป็นด้วยประการเช่นนี้...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)