วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

เสียงพันธนาการของเงา

เสียงพันธนาการของเงา
 ซีรีย์ Prison Break หรือ แผนลับแหกคุกนรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับไมเคิล สกอฟิลว์ ที่ต้องการช่วยพี่ชาย ลินคอร์น เบอโรว์ ออกมาจากคุก ข้อหาฆาตกรรมเทอเรนซ์ สเดตแมน น้องชายของรองประธานนาธิบดีสหรัฐ โดยที่สกอฟิลว์ต้องยอมติดคุกเพื่อวางแผน แหกตารางพาพี่ชายหนีไปจากที่นี้ โดยมีรอยสักเป็นแผนที่ระดับเรื่องราวไว้แล้ว ซีรีย์นี้ให้ความตื่นเต้น ได้ดี มีลุ้นระทึก ผิดหวังบ้าง ไปตาม ๆ กัน ตอนสุดท้ายของปี 1 กลุ่มของพระเอกต้องหนีจากการไล่ล่าของตำรวจ ซึ่งจะติดตามต่อไปใน ปี 2
                     ใน Prison Break ปี 2 นั้น หลังจากที่กลุ่มสกอฟิลว์ได้หนีออกมาจากคุกได้ นอกจากจะหนีการตามล่าจากตำรวจแล้ว พวกเขายังต้องหนีพวก FBI อีกด้วย รวมทั้งเดอะคอมพานี ที่ต้องการเก็บเบอโรว์ให้ได้ ตอนนี้มีตัวละครใหม่ ๆ อย่าง เจ้าหน้าที่มาโฮน ผู้คอยติดตามและไล่ล่า รู้ทันสกอฟิลว์ 
ดูซีรีย์ชุดนี้แล้ว ทำให้คิดว่าคนฉลาดอย่างไมเคิล ทำไมถึงต้องเข้าไปอยู่ในคุก ที่มีแต่นักโทษคดีโหดๆ ถึง 4 ครั้ง  ทั้งที่ไม่ควรจะมีแม้แต่ครั้งแรก ซีรีส์เรื่องนี้สำหรับฉันเป็นซีรีส์ที่สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นคนได้อย่างชัดเจน การที่น้องชาย คือไมเคิลยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง และวางแผนจนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในคุกได้ เพียงเพื่อช่วยพี่ชายของตนให้เป็นอิสระ ถึง 3 ภาค แต่ในภาคที่ 4 ขณะที่ไมเคิลตัดสินใจตามหาคนที่ฆ่าซาร่า เพื่อแก้แค้นให้เคนรักนั้น  ลินคอนผู้รับบทเป็นพี่ชาย กลับทิ้งเขาไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกชาย แล้วปล่อยให้น้องชายคือไมเคิลต้องเผชิญชะะตากรรมต่อไป  ลินคอนเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่า ในมุมมองของฉัน คนที่เป็นพ่อย่อมต้องมีความเป็นห่วงลูกชายและอยากใช้เวลาอยู่ด้วยให้มากที่สุด หลังจากที่เขาเคยเกือบจะไม่มีโอกาส เนื่องจากถูกตัดสินให้ประหารชีวิต เมื่อไมเคิลมอบโอกาสให้เขา ให้เขาได้มีโอกาสทำหน้าที่ของพ่ออีกครั้ง ทำไมเขาจะไม่ยอมรับมัน  เพราะฉะนั้นลินคอร์นก็ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วในฐานะพ่อ แต่หากสมมุติว่าฉันเป็นลินคอร์น ฉันอาจจะทำในสิ่งที่ต่างออกไป อันนี้คือมุมมองส่วนตัว ซึ่งอาจแตกต่างกันได้ ฉันมองว่าถ้าฉันเป็นลินคอร์น ฉันคงทิ้งไมเคิลให้กลับไปตามหาคนฆ่าซาร่าไม่ได้ เพราะบุคลิกในเรื่องไมเคิลเป็นคนหนุ่มที่ฉลาด ใช้แต่ปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่าง ซึ่งตรงกันข้ามกับลินคอร์นที่ใช้แต่กำลัง เขามีโอกาสที่จะช่วยเหลือไมเคิลได้ ฉันจึงเลือกที่จะไปกับไมเคิล ทำสิ่งนั้นให้แล้วเสร็จก่อน โอกาสสำเร็จก็มีมากกว่า นี่เป็นมุมมองหนึ่งที่ฉันมองต่างไปจากตัวละครในเรื่อง
ประเด็นที่อยากจะหยิบมามองต่างมุมจากเรื่องนี้ก็คือ อิสระภาพทางความคิดที่ถูกจำกัด ซึ่งพบได้ในทุกสังคม ทุกชนชั้น ทุกครอบครัว โดยที่บางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัว เนื่องจากบางส่วนเป็นไปตามจารีตประเพณีและวัฒนธรรม เช่นในครัวครัวพ่อ-แม่ผู้ปกครองที่เลี้ยงดูอบรมลูกอย่างจำกัดอิสระภาพ  หรือดุกับลูกจนเกินไป การใช้ชีวิตในโรงเรียน คุณครูกับลูกศิษย์ และเมื่อทำงานคือเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่และรุ่นน้อง ฉันพบว่าคนที่มีพ่อ-แม่เข้มงวด นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีความเปิดกว้างให้เขาได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองด้วย เพราะหากลูกเรากล้าทำแล้วพ่อ-แม่ส่งเสริม สื่งที่จะเกิดตามมาคือกำลังใจและความภูมิใจ 
เราลองมาดูตัวละครตัวอื่นๆบ้างในเรื่องนี้ ต่างคน ต่างความคิด ทำให้การแสดงออก ความรัก การให้ การเสียสละ การคิดหาทางออกจากที่คุมขังจึงแตกต่างกันไป สิ่งที่ฉันชื่นชมพระเอกของเรื่องนี้มีสองเรื่องคือ ไมเคิลเป็นคนไม่โลภ เงินซื้ออิสระภาพจากเขาไม่ได้ เนื่องจากในปี 2 หลังจากออกจากคุกแล้ว พวกของไมเคิลต้องตามไล่ล่าเงินจำนวนมหาศาล แต่เราแทบจะไม่เห็นความโลกจากตัวไมเคิลเลย สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือ อิสระภาพของเขาและลินคอร์น ในขณะที่ตัวแสดงบางคน แสดงสัณชาติญาณความเป็นคนได้อย่างดิบที่สุด 


to be contineu...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น