วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

หากวันนี้รัฐบาลมีหัวใจที่เป็นธรรม คิดถึงความสงบสุขของประชาชน คนในบ้านอย่างเป็นธรรม  เอาธรรมเข้าบริหารประเทศ บริหารบ้านเมือง คนไทยร้อยทั้งร้อยต่างก็ยินดีจะสรรเสริญ  หากใช้ธรรมปกครองความคิด การสั่งสมพวกพรรค ฐานกำลังอำนาจก็ไม่จำเป็นต้องมี เพราะเรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานจนถึงลูกหลาน  หันมาหยิบยื่นความดีให้กัน แบ่งปันกันลด ละ ทิ้งความโลภ ความเห็นแก่ตัว แล้วช่วยกันสร้างความดีงามให้แก่สังคม คืนความเป็นธรรมให้กับธรรมชาติ  บริหารประเทศไทยให้ก้าวข้ามฝั่งความเป็นโลกาภิวัตน์  พบกันที่ครึ่งทางกับธรรมชาติเพื่อเป็นความเป็นธรรมาภิวัตน์ ทำสังคมให้เป็นศูนย์รวมแห่งความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่จำเพาะแบ่งแยกเพื่อนพ้อง พี่น้อง สร้างความเป็นธรรมให้กับคนไทยทั้งประเทศไทยหยุดทำตนเป็นแกะดำเอาแต่ใจ ได้ไหมครับ



ประเทศไทยไม่ใช่ของใคร  แต่ประเทศเป็นของเราทุกคน  สังคมไทยกำลังก้าวข้ามเพื่อการปรับเปลี่ยน  นับจากวันที่เราก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ เราได้อะไรอะไรกลับมาบ้าง  ในขณะเดียวกันเราต้องสูญเสียไปเท่าไหร่  

กว่าจะได้ อะไร  อะไรมา ก็อาจจะต้องเสีย อะไร  อะไรไป
  อาจจะเป็นน้ำตา  หรือหัวใจ   แล้วสุดท้ายกลับไม่ได้อะไร อะไร คืน...



อันประเทศของเรานั้น เป็นที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปแล้วว่า อุดมด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำเพียงไร  ฉะนั้นถ้าได้ร่วมมือร่วมใจช่วยกันนำทรัพย์เหล่านั้นขึ้นมาให้ถูกต้อง ตามหลักวิชาการ  ก็จะเป็นผลส่งเสริมทวีความมั่นคงของบ้านเมือง ได้อีกเป็นอันมาก (พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์: ๒๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓)


โบราณท่านว่าไว้ ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ยังคงใช้ได้เสมอ ถ้าเรามีพื้นที่ว่างเปล่า แล้วขุดสักนิดแล้วหว่านเมล็ดผักลงไป แล้วรดน้ำ เท่านี้ก็ได้ผักกินแล้ว  เว้นเสียแต่ว่าไม่ลงมือทำเท่านั้นเอง  ดินไม่ว่าจะอยู่บนพื้นหรือในกระถางก็ยังเป็นทรัพย์  เมื่อบวกกับน้ำก็เป็นทรัพย์สินที่ขายได้เพราะผลผลิตจากดินและน้ำผสมกัน  ความมั่นคงสมบูรณ์และบริบูรณ์ทั้งกายและใจ ทั้งอาหารการกิน ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ทำให้เราอยู่อย่างสบาย  ไม่อดอยาก ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ไม่ต้องแย่งกันกินเหมือนในบางประเทศ  ถามว่าที่ผ่านมาแม้เราคนไทย  จะบอกว่าพวกเรายังยากจน  แต่ไม่ถึงกับแล้งแค้น มิใช่หรือ  ข้าวทุกจาน อาหารทุกมื้อ เรายังพอเอื้อเฟื้อ  แบ่งปันกันได้  ใครมีเรือกสวนไร่นา มีผักปลูกผัก  มีกล้วยปลูกกล้วย สุดท้ายก็ได้กินทั้งผักทั้งกล้วย  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพัฒนา  ต้องก้าวไปข้างหน้า  เพื่อให้เท่าทันนานาอารยะประเทศ จากแผ่นดินแห่งเกษตรกรรม  กสิกรรม ไทยเรารุดเดินหน้าเข้าหาความเป็อุตสาหกรรม เข้าสู่ยุคสมัยที่ใช้ทุนและแรงงาน เพื่อที่จะผลิตสิ่งของ หรือ ธุรกิจการจัดให้ จัดหาและบริการ มีการเปิดโรงงานอุตสาหกรรม  มีการผลิตเครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ มากมาย และ ทำให้อุตสาหกรรมเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วและมีระเบียบเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด สิ่งที่ตามมาคือความก้าวหน้าแห่งยุคโลกาภิวัติน์  เมื่อเรายังไม่หยุดเดินหน้า  เราเริ่มมีการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อำนวยความสะดวกมากมายจิปาถะในการดำรงชีวิต  ประชาชนเริ่มให้ความสนใจและปล่อยให้เทคโนโลยีต่างๆเข้ามาลุกล้ำ พัฒนาประเทศ ทำไมถึงลุกล้ำ ก็เพราะมันเป็นการล่วงเกิน  คนไทยเราไม่พัมนาเปล่า ยังพัฒนาอย่างจาบจ้วง ล่วงเกินสิทธิความเป็นธรรมของทรัพยากรตามธรรมชาติเสียเหลือเกิน  ทั้งขุด ทั้งเจาะ ทั้งสูบ รีด ไถ คนเราก็จ้วงเอาจากแผ่นดิน เพียงเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินเงินทองในกระเป๋าตัวเอง  คนเราลืมตัวเห็นทรัพย์สินธรรมชาติไร้ค่า  แต่กราบไหว้บูชาเงินตรา-ยศศักดินา หน้าที่และตำแหน่งใหญ่โต   เห็นบางประเทศเขาเจาะ ขุด วางท่อสูบน้ำมันในธรณีมาใช้   ทำเงินมหาศาล สร้างสมบัติได้ไม่สิ้นสุด ถึงกับตาโต เข้าทางเห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง โดยหาเคยประมาณตนไม่  


ผลร้ายที่ตามมาจะเป็นอย่างไร  ไม่ต้องเสียเวลาไปคิด เหลือบมองดูบ้านใกล้เรือนเคียงกันสักนิด ประเทศแห่งเทคโนโลยีลึกล้ำนำสมัย  ประเทศญี่ปุ่น  อเมริกา  โอ้แม่เจ้า  มันช่างสิวิไลย์เสียจริง ไทยอยากจะทิ้งทุกสิ่งอย่างที่มีกระโดดข้ามวิถีชีวิตความเป็นไทยเข้าหายุคไฮเทค  ไม่ได้คิดจะตอกย้ำ แต่อยากให้จำกันสักหน่อยว่า เมื่อปีสองปีที่ผ่านมา โลกทั้งใบต้องเผชิญกับอะไรที่น่ากลัวบ้าง ทั้งแผ่นดินไหว  ดินโคลนถล่ม  น้ำท่วม ไฟไหม้ รามไปถึงการเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่อย่างสึนามิ  ทั้งที่ปรระชาชนของญี่ปุ่นนั้นมีความเป็นระเบียบวินัยสูง เขายังแทบล้มทั้งยืน เมื่อจู่ๆโดนคลื่นยักษ์กลืนหายไปในชั่วพริบตา  

 หันมาทางประเทศอเมริกา ที่เจริญเฟื่องฟูเป็นประเทศมหาอำนาจ รบกับอิรัก ได้น้ำมันมีคุณค่าราคามหาศาลเฟื่องฟูคือขาขึ้นแต่พอถึงขาลง แทบล้มละลาย  กลายเป็นประเทศที่มีหนี้มากที่สุดในโลก  ทั้งที่อเมริกาไม่ได้ใหญ่โตอะไร  แต่ใช้ทรัพยากรที่มีเกินรตัว มืหนำซ้ำยังเบียดเบียนประเทศอื่นด้วย  แต่ที่ยกมานี้ไม่ได้อยากซ้ำเติมกันนะครับ  แต่อยากให้คนไทยได้เรียนรู้ร่วมกันมากกว่า  

การใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการ มากกว่าใช้เพื่อตอบสนองความจำเป็น นั้นส่งผลร้ายที่เกินคาดในอนาคต  น้ำพักน้ำแรงที่ลงทุนลงไป หายหมดภายในไม่กี่พริบตา  มันถึงเวลาแล้วหรือยัง  ที่เราจะต้องหยุด และทบทวนตัวเราเอง ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไรต่อทรัพยากรของประเทศ ทั่วโลกเขารณรงค์โลกสีเขียว  เมืองปลอดมลพิษ  เชื่อว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ขยาดกับภัยพิบัติอันเกิดจากธรรมชาติเอาคืน ถึงได้เห็นโครงการณ์รณรงค์จำนวนมากที่มีความมุ่งหวังที่จะร่วมกันฟื้นฟูประเทศให้มีความเป็นธรรมชาติสวยงามและปลอดภัยดังเดิม  ผมไม่ได้บอกว่ายุคโลกาภิวัตน์ที่เราก้าวเข้ามาอยู่ ณ เวลานี้ไม่ดี  แต่เราผู้ซึ่งเป็นผู้รับจากธรรมชาติ ควรจะมีใจที่เป็นธรรม ตอบแทน หรืออย่างน้อยที่สุดไม่ล่วงเกินจนเกินกว่าเหตุ  อย่าเป็นแกะดำ เพียงเพราะความปรารถนาที่จะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีสูบเลือด สูบเนื้อ ดำเนินการลงทุนเปลี่ยนประเทศเป็นสังคมทุนนิยมจนเกินความจำเป็น  เอาความเป็นธรรมของโลกบวกเข้ากับความเป็นอภิวัตน์ เปิดใจรับฟังเสียงของคนรอบข้างเสียบ้าง อย่าเงี่ยหูฟังแต่พวกพ้องตัวเอง  แล้วก็ดื้อรั้น ถูลู่ถูกังคนทั้งประเทศไปข้างหน้า โดยทำเหมือนคนเอาแต่ใจ  หันมาใช้หัวใจที่เป็นธรรม รับฟังผลได้ผลเสียที่คนทั้งประเทศจะต้องเผชิญร่วมกันบ้าง  หยุดใจคอที่ฮฮึกเหิม เดือดพล่าน คิดแต่จะเข้าตีรันให้คนไทยต้องเจ็บหนักไปกว่านี้เลย  ถามความเป็นธรรมในหัวจิตหัวใจคุณดูสักนิด แท้จริงแล้วรอบตัวล้วนเต็มไปด้วยมิตรทั้งนั้น  หยุดทำตัวเป็นแกะดำเอาแต่ใจนำพาสังคมไทยไปสู่หายนะแห่งธรรมเสียเถิด  ทิ้งอธรรมในใจไปเสียแล้วเจอกันครึ่งทาง คนไทยทุกคนล้วนต้องการให้ประเทศชาติอยู่รอด  และเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่มั่นคงก็ได้ เห็นอกเห็นใจกันบ้าง หยิบยื่นความดีให้แก่กันบ้าง จิตใจก็จะได้มีธรรมเป็นตัวนำความสุขสงบมาให้  ไม่ต้องเดือดร้อน ดิ้นรน ทำตัวเองให้ลำบาก ขุดนั่น เจาะนี่ ถมต้องนั้น สูบตรงนี้  เมื่อคนไทยทุกคนต่างก็มีสิทธิของความเป็นคนที่เท่ากัน  อย่าเที่ยวได้ตามหาความเท่าเทียมของสิ่งที่ไม่มีจริงในโลกอีกเลย  ทรัพย์สินจะมีเท่าเทียมก็ต่อเมื่อทำหรือสร้างอย่างเท่าๆกัน สิทธิเสรีภาพทางความคิดที่เท่ากัน คือทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิดได้ร้อยแปดพันเก้าเหมือนกัน  แต่คงไม่ใช่ทำทุกอย่างที่คิดได้เหมือนกันทุกคน ความแตกต่างทางชนชั้นก็ไม่ต่างกัน คนเราเกิดมาก็เกิดมาคนเดียว ตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่างเท่าเทียมกัน   ไม่มีใครเกิดมาพร้อมคาบช้อนทองช้องเงินออกมา  แต่เรามาหามาสร้างเอาเมื่อเติบโตต่างหาก ถ้าทำเท่ากันมันก็เท่ากันนั่นเองแล้ว สิ่งที่คนอื่นเขาหยิบยื่นให้มานั้นเขาไม่ได้ทำ ความจนความรวยแท้จริงถ้าอยากให้เท่าเทียมกันก็แบ่งปันและหยิบยื่นให้กันและกันในสังคมสิครับ เพียงเท่านี้ เรื่องง่ายๆ เราก็มีกินมีใช้ เหมือนกันแล้ว หยุดทำตัวเป็นแกะดำเอาแต่ใจ เบียดเบียนคนรอบข้างจนทุกข์ทรมาณกายใจ เพราะเมื่อเกิดผลกระทบและทั้งหมดก็สั่นสะเทือน คนทำอย่าคิดว่าจะรอดไปจากผลของการกระทำนั้นเสียเลย

หากวันนี้รัฐบาลมีหัวใจที่เป็นธรรม คิดถึงความสงบสุขของประชาชน คนในบ้านอย่างเป็นธรรม  เอาธรรมเข้าบริหารประเทศ บริหารบ้านเมือง คนไทยร้อยทั้งร้อยต่างก็ยินดีจะสรรเสริญ  หากใช้ธรรมปกครองความคิด การสั่งสมพวกพรรค ฐานกำลังอำนาจก็ไม่จำเป็น เพราะเรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนานจนถึงลูกหลาน  หันมาหยิบยื่นให้กัน แบ่งปันกันลด ละ ทิ้งความโลภ ความเห็นแก่ตัว แล้วช่วยกันสร้างความเป็นธรรมให้แก่สังคม สร้างและคืนความเป็นธรรมให้กับธรรมชาติ บริหารประเทศให้ไทยก้าวข้ามโลกาภิวัตน์ เข้าสู่ความเป็นธรรมาภิวัตน์จะดีกว่าไหม  มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ไม่จำเพาะ เพื่อนพ้อง พี่น้อง สร้างความเป็นธรรมให้กับประเทศไทย อย่าทำตนเป็นแกะดำเอาแต่ใจอีกเลย...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น