คำศัพท์ตัวอย่าง(ภาษาเหนือ)จำนวนนับ
1 = นึ่ง
2 = สอง
3 = สาม
4 = สี่
5 = ห้า
6 = ฮก
7 = เจ๋ด
8 = แปด
9 = เก้า
10 = ซิบ
11 = ซิบเอ๋ด
20 = ซาว
21 = ซาวเอ๋ด
พืช ผัก ผลไม้
มะละกอ = บะก้วยเต๊ศ
กล้วยน้ำว้า = ก้วยอ่อง / ก้วยนิอ่อง
มะตูม = บะปีน
ส้มเขียวหวาน = ส้มเกลี้ยง เขียวหวาน
แตงล้าน = ม่ะแต๋งซั้ง ( ร้านที่ทำให้เครือแตงพันขึ้นไป ทางเหนือเรียกว่า ซั้ง )
น้อยหน่า = ม่ะหน้อแหน้ / น้อยแหน้
บวบงู = ม่ะนอยงู
มะเขือเปราะ = บะเขือผ่อย
มะเขือยาว = บะเขือขะม้า - - ออกเสียง ม่ะเขือขะม่า / ม่ะเขือหำม้า
มะระขี้นก = บะห่อย
แตงกวา = บะแต๋ง
กล้วย = เชียงใหม่ เรียก ก้วยใต้ ลำปาง เรียก ก้วยลิอ่อง หรือ ก้วย โก๊ย
กล้วยน้ำว้า = ก้วยใต้
พุทรา = หม่ะตัน
ละมุด = หม่ะมุด
กระท้อน = บะตื๋น หมะต้อง
มะปราง = บะผาง
ฝรั่ง = บ่ะหมั้น,บะแก๋ว
ขนุน = หม่ะหนุน,บ่ะหนุน
มะพร้าว = บะป๊าว
ส้มโอ = บะโอ
ฟักทอง = บะฟักแก้ว /บะน้ำแก้ว/น้ำแก้ว
ฟักเขียว = บะฟักหม่น
มะแว้ง = บะแขว้งขม
มะเขือพวง = บะแขว้ง /บ่ะแขว้งกุลา
ลูกยอ = หม่ะต๋าเสือ
มะเขือเทศ = บะเขือส้ม
กระท้อน = บะตึ๋น
ตะไคร้ = ชะไคร
คึ่นช่าย = ผักกะพึน,กำพึน (กะปึน)
ผักตำลึง = ผักแคบ
ชะพลู = ผักแค ใบปูนา ปูลิง
สัตว์
จิ้งหรีด = จิ้กุ่ง,จิ้หีด
ค้างคก = ค้างคาก กบตู่
ลูกอ๊อด = อีฮวก
ปลาไหล = ปลาเอี่ยน ปลาเหยี่ยน
จิ้งเหลน = จั๊ก-กะ-เหล้อ
กิ้งก่า = จั๊ก-ก่า
เครื่องใช้
กรรไกร = มีดยับ มีดแซม
กระดุม = บะต่อม
เข็มขัด = สายแอว สายฮั้ง
ช้อน = จ๊อน
ทับพี = ป้าก
ถุงเท้า = ถุง**
ผ้าเช็ดตัว = ผ้าตุ้ม
ผ้าห่ม = ผ้าต๊วบ
ยาสูบ = ซีโย
รองเท้า = เกือก /เกิบ
รองเท้าฟองน้ำ = แค็บ
คำกริยา
กำปั้น หมัด = ลูกกุย
โกรธ = โขด
กลับ = ปิ๊ก (เช่น "เฮาปิ๊กบ้านละหนา")
กางร่ม = กางจ้อง
โกหก = วอก ขี้จุ๊
กิน = กิ๋น
ก่าย = ปาด อิง
ขโมย = ขี้ลัก
ขี่หลังคน(เกาะ) = เก๊าะ
ขี้เหนียว = ขี้จิ๊
คิด = กึ๊ด
เครียด = เกี้ยด
จริง = แต๊(เช่น "แต๊ก๊ะ" = "จริงหรอ")
เจ็บ = เจ๊บ
ใช้ = ใจ๊
ดู = ผ่อ
เด็ก = ละอ่อน
ตกคันได = ตกบันได
เที่ยว = แอ่ว
ทำ = ยะ(เช่น "ยะหยัง" = "ทำอะไร")
นั่งพับเพียบ = นั่งป้อหละแหม้
นั่งขัดสมาธิ = นั่งขดขวาย
นั่งยอง ๆ = นั่งข่องเหยาะ,หย่องเหยาะ
นั่งไขว่ห้างเอาเท้าข้างหนึ่งพาดบนเข่า = นั่งปกขาก่ายง้อน
นั่งวางเฉย นั่งหัวโด่ = นั่งคกงก(ก๊กงก)
นั่งลงไปเต็มที่ตามสบาย(โดยไม่กลัวเปื้อน) = นั่งเป้อหละเหม้อ, นั่งเหม้อ
พูด = อู้
รัก = ฮัก
รู้ = ฮู้
ลื่นล้ม = ผะเริด
วิ่ง = ล่น
สวมรองเท้า = ซุบแข็บ
สะดุด = ข้อง
สวยจังเลยนะ = งามหลายน้อ
สบายอกสบายใจ = ซว่างอกซว่างใจ๋
เหรอ = ก๊ะ
ห่วง = ห่วง (คำเมืองแท้ๆคือ อ่วง ว้อง หรือ ข๋าง)
เหนื่อย = อิด หม้อย
ให้ = หื้อ
อยาก = ไข
อยากอ้วก อยากอาเจียน = ใขฮาก
อร่อย = ลำ
อร่อยมาก = จ๊าดลำ
อย่าพูดมาก = จ๊ะไปปากนัก
อย่าพูดเสียงดัง = จ๊ะไปอู้ดัง
คิดไม่ออก = กึ๊ดหม่ะออก
คำวิเศษณ์ และอื่นๆ
ก็ = ก่
** = ง่าว
เช่น = เจ้น
ถึง = เถิง
ไม่ = หมะ(เช่น หมะใจ๊ = ไม่ใช้)
นะ = เน้อ(เช่น เน้อครับ = นะครับ)
เป็น = เป๋น
ร่ม หมายถึง ร่มเงา = ฮ่ม
ร่ม หมายถึง (ร่มกันแดด-กันฝน) = จ้อง
ใหญ่ = หลวง(เช่น "หูหลวง" = "หูใหญ่")
เหนียว = ตั๋ง
ทุก = กุ๊ (เช่น กุ๊ๆ คน= ทุกๆคน)
แบบนี้ อย่างนี้ = จะอี้
แบบนั้น อย่างนั้น = จะอั้น
คำนาม สรรพนาม[/b]
ฉัน = เปิ้น (สุภาพ) , ฮา(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)
เธอ = ตั๋ว(สุภาพ) , คิง(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)
เขา(สรรพนามบุรุษที่ 3) = เปิ้น
ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา = อุ้ย (เช่น แม่อุ้ย ป้ออุ้ย)
ผู้ชาย = ป้อจาย
ผู้หญิง = แม่ญิง
พวกเขา = หมู่เขา
พวกเธอ = สูเขา (สุภาพ), คิงเขา(ไม่ค่อยสุภาพส่วนใหญ่ใชักับเพื่อนผู้ชาย)
พวกเรา = หมู่เฮา, เฮาเขา
พ่อ = ป้อ
พี่ชาย = อ้าย,ปี่
พี่สาว = ปี่
ยี่สิบบาท = ซาวบาท
ยี่สิบเอ็ด = ซาวเอ็ด
เรือน = เฮือน
โรงเรียน = โฮงเฮียน
อิฐ = บ่าดินกี่
คำเล่าลือ = กำสีเน
ปฏิทิน = ปั๊กกะตืน คำเมืองแท้ๆจะแปลว่าปฏิทิน
สี
ดำคึลึ = คนอ้วนล่ำผิวดำ
ดำผืด = ฝูงนกฝูงกาขนดำอยู่เป็นฝูง
ดำคุมมุม = ดำสลัวอยู่ในความมืด
ดำขิกติ้ก = ดำซุปเปอร์
ดำคิมมิม = คนผอมกระหร่อง ผิวดำ
ดำเหมือนเเหล็กหมก = ดำเหมือนเหล็กไหม้ไฟ
ดำเหมือนหมิ่นหม้อ = ดำเหมือนเขม่าติดหม้อดินที่ไหม้ไฟ
ดำผึด = ดำทั่วทั้งแถบ
ดำผึดำผึด = ดำมากๆทั่วๆไป
แดงฮ่าม = แดงอร่าม
แดงเผ้อเหล้อ = แดงเป็นจุดใหญ่จุดเดียว
แดงปะหลึ้ง = แดงจัดมาก
แดงปะหลิ้ง = แดงอมชมพู แดงเป็นจุดเล็กๆ
เหลืองฮ่าม = เหลืองอร่าม
เหลืองเอิ่มเสิ่ม = เหลืองอมส้ม
เขียวอุ้มฮุ่ม = เขียวแก่
เขียวปึ้ด = เขียวจัดมาก
มอยอ้อดฮ้อด = สีน้ำตาลหม่น
ขาวจั๊วะ = ขาวนวล
ขาวโจ๊ะโฟ้ะ = ขาวมากๆ
ขาวเผื้อะขาวเผือก = มองไปทางไหนก็ขาวไปหมด
เปิดเจ้อะเห้อะ = สีขาวซีด
หม่นซ้อกป้อก = หม่นมัวหรือเทาอ่อน
หม่นโซ้กโป้ก = หม่นสกปรกหรือสีเทาแก่
หมองซ้อกต๊อก = ดูเก่า หรือซีด จืดไป
เส้าแก๊ก = สีหม่นหมองมาก
เส้าตึ้มตื้อ = ใบหน้าหมองคล้ำ สีมืดไม่สดใส
ลายขุ่ยหยุ่ย = ลายพร้อย หรือลายเป็นดอกดวง
ใสอ้อดหล้อด = สดใสแบบอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ
ใส่ยงยง = สว่างจ้า
แสง-เสียง
มืดแถ้ก = มืดสนิท
มืดสะลุ้ม = มืดสลัวๆ
มืดซุ้มซิ้ม = มืดนิดๆ
มืดวุ่ยวาย = มืดลางๆ ยังพอจำหน้ากันได้
แจ้งฮุมหุฮุมหู่ = สว่างลางๆเลือนๆ
แจ้งฮ่าม = สว่างจ้าสว่างเรืองรอง
แจ้งลึ้ง = สว่างโร่เห็นได้ชัด
แจ้งดีขวายงาม = สว่างปลอดโปร่งโล่งใจไม่มีอุปสรรค
หันวุยวาย = เห็นเลือนๆลางๆ
ดั้กปิ้ง = เงียบกริบ
ดั้กปิ้งเย็นวอย = เงียบเชียบ
ดั้กแส้ป = ไม่ได้ข่าวคราว
ดั้กก๊กงก = นั่งนิ่ง
ดังทึดทึด = เสียงดังก้องไปทั่ว
กลิ่น รส
เหม็นโอ๊ง, เหม็นโอ่ = เหม็นเน่า
จ๋างแจ้ดแผ้ด = จืดชืด
ขมแก๊ก = ขมมาก
ส้มโจ๊ะโล๊ะ = รสเปรี้ยวมาก
ฝาดหยั่งก้นตุ๊ = รสฝาดมาก
ฉันคิดถึงเธอ=เปิ้นกึ๊ดเติงหาตั๋วขนาด
กระท่อง=ฮ่าง
ทุ่งนา=ก๋างโต้ง
มะพร้าวแก่=มะป๊าวห๊าวแห้ง
ล้ม=โก้น
ร้องเท้าแตะ=แข๊บกี๊บ
เนิน=ฮ่อม / เธิ้ม
พุ่มไม้=ป่าโข่/ป่าขุ้ม
ผู้หญิงที่นิสัยแรด=สลิ๊ดดก
นอน=ตุ่มบอด
คนที่ไปเที่ยวแล้วไม่ยอมกลับบ้าน=ต๊าวแฮ่ว
ตรงนู้น=ตั้งปู๊น(ยิ่งไกลให้ลากเสี่ยงยาวๆ)
เพิ่มเติม กระทกลก = เสาวรส แพรชั่นฟรุต อิอิ
จ๊าดดดดด ง่าว = โ ง่ มาก
สลิ๊ด บ่าดี และ สลิ๊ดนั๊ก ก้เหมียนก่า สะลิ๊ดด๊ก เอิ้กๆๆๆ(น่าจะใช่น๊า แม่เราก้อเหนือ พอฟังออกอ่า)
ส้ม = เปรี้ยว
อู้บ่าฮู้ เรื่อง พูดไม่รุเรื่อง ตย. ว้อย อินี่ อู้ บ่า ฮู้เรื่อง ก๊ะ อู้อ๊ะ หยั่ง ปะลำ ปะเหลือ
(ว้อย ไอนี่พูดไม่รู้เรื่องรึงัย พูด อะไรกันนักกันหน้า)
ใช่ - แม่น หรือ ใจ้
แท้ - แต๊
ไม่ใช่ - บ่อแม่น หรือ บ่อใจ้
ไม่แท้ - บ่อแต๊
อะไร - อะหยัง
ทำไม - ยะหยัง (หรืออาจจะใช้กับคำว่า ทำอะไร ก็ได้)
หรอ - ก๋า
อยาก - ไข้อยาก
เพื่อน - เปื้อน (ในภาษาเหนือคำว่า เปื้อน ก็เปื้อนน่ะเเหละ)
พี่ชาย - อ้าย ก้ายขนาด แปลว่า เบื่อมาก
เปิ้ลอู้กำเมืองเป๋นเพราะแฟนเปิ้ล
พี่สาว - เอื้อย
พี่ - ปี้
เช้า - เมื่อเจ๊า
กลางวัน - เมื่อตอน
เย็น - เมื่อแลง
รัก - ฮัก
เรา - เปิ้ล
พวกเรา - หมู่เฮา
โง่ - ปึ้ก
วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
วัดเขาพนมสัจจฉัพพรรณรังษี หรือวัดเขาชี
วัดเขาพนมสัจจฉัพพรรณรังษี
หรือวัดเขาชี หมู่ ๑๕ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
เป็นสถานที่สอนปฏิบัติธรรม กัมมัฎฐาน ดังนั้น
จึงมีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาหลั่งไหลมาปฏิบัติธรรมอย่างต่อ
เนื่อง ในขณะนี้เดือนละไม่ต่ำกว่า๘๐๐ ท่าน
ซึ่งศาลาหลังปัจจุบันไม่พอรองรับสาธุชน ที่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
ร่วมสร้างศาลา หอฉันท์ โรงทาน โรงครัว 4 ประโยชน์อาคารเดียว
เนื่อง
จากวัดเขาพนมสัจจฉัพพรรณรังสี (วัดเขาชี) ม. 15 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง
จ.พิษณุโลก เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน
ที่มีญาติโยมเข้ามาปฏิบัติธรรมเดือนละไม่ต่ำกว่า 800 คน
แต่ปัจจุบันศาลาหลังเดิมไม่เพียงพอต่อการรองรับจำนวนญาติโยมที่เข้ามา
ปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อ วิรัตน์ จนฺทสโร จึงมีความประสงค์ให้สร้างศาลาหลังใหม่ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติโยมที่เข้ามานั่งวิปัสสนากรรมฐาน
อีกทั้งขณะนี้สถานที่ฉันท์อาหาร พระ เณร ที่ทำขึ้นแบบชั่วคราว และถูกแบ่งเป็นที่หุงข้าว ให้กับ พระ เณร สิกขมนา และสุนัข ในวัด หลายชีวิต เริ่มคับแคบ โรงทาน โรงครัวก็เริ่มชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาหรือวันที่ชาวบ้านมาช่วยกันพัฒนาทำความสะอาดวัด สถานที่จึงไม่เพียงพอต่อการรองรับญาติโยม บางครั้งแทบไม่มีที่นั่งรับประทานอาหาร รวมทั้งโรงทานก็ไม่ได้รับมาตรฐานสุขอนามัยเท่าที่ควร
ขณะ นี้ ศาลา หอฉันท์ โรงทาน โรงครัว สถานที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อ 4 ประโยชน์ในอาคารเดียว ได้ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 25% แต่ต้องหยุดก่อสร้างชั่วคราว เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้างอีกมาก จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ร่วมกันบริจาคตามกำลังศรัทธา เพื่อให้เราชาวพุทธด้วยกันได้มีสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้ศาลาหลังนี้แล้วเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีตามความต้องการของหลวงพ่อ
หลวงพ่อ วิรัตน์ จนฺทสโร จึงมีความประสงค์ให้สร้างศาลาหลังใหม่ขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติโยมที่เข้ามานั่งวิปัสสนากรรมฐาน
อีกทั้งขณะนี้สถานที่ฉันท์อาหาร พระ เณร ที่ทำขึ้นแบบชั่วคราว และถูกแบ่งเป็นที่หุงข้าว ให้กับ พระ เณร สิกขมนา และสุนัข ในวัด หลายชีวิต เริ่มคับแคบ โรงทาน โรงครัวก็เริ่มชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก เมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาหรือวันที่ชาวบ้านมาช่วยกันพัฒนาทำความสะอาดวัด สถานที่จึงไม่เพียงพอต่อการรองรับญาติโยม บางครั้งแทบไม่มีที่นั่งรับประทานอาหาร รวมทั้งโรงทานก็ไม่ได้รับมาตรฐานสุขอนามัยเท่าที่ควร
ขณะ นี้ ศาลา หอฉันท์ โรงทาน โรงครัว สถานที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อ 4 ประโยชน์ในอาคารเดียว ได้ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วประมาณ 25% แต่ต้องหยุดก่อสร้างชั่วคราว เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้างอีกมาก จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ร่วมกันบริจาคตามกำลังศรัทธา เพื่อให้เราชาวพุทธด้วยกันได้มีสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้ศาลาหลังนี้แล้วเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีตามความต้องการของหลวงพ่อ
พุทธศาสนิกชนทุกท่านสามารถร่วมสมทบทุนสร้างศาลา หอฉันท์ โรงทาน โรงครัว 4
ประโยชน์ในอาคารเดียวให้กับทางวัดได้ที่ หมายเลขบัญชี 360-0-8180-1
ธนาคารกรุงเทพ สาขาวังทอง ประเภทบัญชีสะสมทรัพย์ หรือติดต่อได้ที่
พระอาจารย์บารมี หมายเลขโทรศัพท์ 08-0682-4431
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับ
ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น
จงสำเร็จแก่ท่าน ทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
อิทัง ปุญญะผะลัง ผล บุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และ ขอ อุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เทพเจ้า ทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และ เทพเจ้า ทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และ พระยายมราช ขอเทพเจ้า ทั้งหลายและ พระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และ ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หาก ท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราช จงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้ อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผล บุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่ง พระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึง พระนิพพาน เพียงใดขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ เถิด
อิทัง ปุญญะผะลัง ผล บุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอ เจ้ากรรม นายเวร ทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และ ขอ อุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ เทพเจ้า ทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และ เทพเจ้า ทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และ พระยายมราช ขอเทพเจ้า ทั้งหลายและ พระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และ ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หาก ท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและ พระยายมราช จงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้ อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผล บุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่ง พระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึง พระนิพพาน เพียงใดขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ เถิด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)