วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บ่น บ่น บ่น

คนไทยน่ะมีข้อเสียอยู่ข้อหนึ่ง...คือไม่มีความคิดในรูปแบบประยุกต์ใช้ ในบางครั้งเรื่องที่มันไม่เกี่ยวกันก็กลับเอามารวมกัน บางทีเรื่องที่เกี่ยวกันก็มองหรือปฏิเสธ มองข้ามไป คาดว่าไม่มีความคิดที่บูรณาการได้ ความคิดก็เลยจมอยู่แค่นั้น นำไปทำอะไรไม่ได้ จะพูดคุย คิดเห็นอย่างไรเคยฝังใจอะไร ก็คิดเห็นและทำอยู่เช่นนั้น ทำแต่แบบเรื่องเดิมๆ  เมื่อเริ่มกระบวนการคิดและ
คาดเดาคำตอบที่เป็นความเห็น เป็นความรู้สึกของตัวเองแล้วอัดใส่มันเข้าไปในสมองและความคิดตัวเอง
 ฉันเองก็กำลังเป็นเหมือนกัน ประมาณว่าไม่เคยส่องกระจกดูเงาหัวตัวเองเลยทำตัวไม่ดียังคิดจะไปออกความคิด แสดงความเห็นในเรื่องต่างๆ ที่ตัวเองยังทำไม่ได้  มองเห็นแต่ภาพลักษณ์ของผู้อื่นแล้วก็ครั่งไคล้  เครซี นึกว่าตัวเองมีชื่อเสียง โด่งดังและคิดว่าตัวเองฉลาดมากกว่าคนอื่น เหมือนคนกำลังวิ่งตามหาอะไรสักอย่าง เป็นกระแส เขาว่าไง เราก็ว่างั้น ถ้าอดทนได้ก็แล้วไป อดทนไม่ได้ก็ระเบิดลง

คนด่าไม่ให้โกรธว่ายากแล้ว คนชมไม่ให้ยิ้มทำได้ยากกว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไปจากดำเป็นขาว จากขาวเป็นดำ ฉันจึงดูเหมือนความไม่จริงใจ ก็จะค่อยๆถูกเบียดออกไป ฉันก็คิดนะว่าสิ่งต่างๆที่มีคนเหมือนสนับสนุนให้กำลังใจให้ทำบางสิ่งบางอย่าง แต่บางครั้งก็ทำไม่ได้ ถ้าได้พูดคุยได้บอกกันตรงๆก็จะบอกเลยว่าทำไม่ได้ ไม่ต้องมาถามคำถามเดิมๆอีก มีใคครเคยมองเข้าไปในห้องมืดๆแล้วเห็นตัวตลกบ้าง คำตอบคือไม่มี เพราะมันมืด เรื่องดีๆที่มาพร้อมกับโอกาสดีๆ บางครั้งก็มองว่า ยัยนี่ไม่รู้จักพอ บางครั้งก็มองว่ายัยนี่อีโง่ หรือบางครั้งก็อาจเป็นการใช้ธรรมเนียมรุ่นน้องต้องมองและเดินไปหาผู้ใหญ่ คนจำนวนน้อยต้องเดินไปหาคนที่มากกว่า ถามว่าตัวเองทำได้มั้ย ตอบเลยว่าทำได้ ถ้าสมมุติเอา เพราะชีวิต 3 ปีที่เกิดขึ้นมันเปลี่ยนจากดำเป็นขาว เปลี่ยนจจากขาวเป็นดำ ประมาณว่า roll play ไปตามกติกาที่สมรู้ร่วมคิดแล้วเห็นด้วยว่าตนเองยอมและปฏิบัติการได้ ก็อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไป ใครเดินมาด่า เอาอะไรตีหัวก็ต้องยืนรอให้ตีซ้ำ โถ ทีเดียวก็น็อคแล้ว

หลายคนพยายามมองให้มันร้ายกว่านั้น นึกว่าลุ่มหลงตัวเอง ฉันก็บอกแล้ว ว่าฉันไม่ใช่นางฟ้า เป็นคนธรรมดา มีรัก  โลภ  โกรธ  หลง มีความรู้สึกที่อยากระบายกับใครสักคนบ้าง ถ้าไม่งั้นก็ฟังเพลง แต่ตอนนี้ฉันก็นังหน้าคอมฯไม่มีแก่ใจจะทำงาน มันเบื่อ เซ็ง และก็ถือว่าตัวเองก็ไม่ใช่ขี้ข้านักโทษเหมือนกัน งั้นเวลานี้ฉันก็ถืออารยะขัดขืนเหมือนกัน

แต่มันก็แค่ระบายออกมา มันแน่นอก น้ำตามันจะพาลไหลเอาให้ได้ ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว หน้าที่บ้าบออะไร แยกแยะอะไรไม่ออกแล้ว ทำได้อย่างเดียวคือ หยุดทำ แล้วก็ลบทุกอย่างเสีย จะได้ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปหามันอีก คนในสังคมเข้าใจยากมาก
ฉันเองก็ยังๆไม่ไว้ใจตัวเองเลยสักนิด แต่ฉันว่าพอเพียงแล้วแหละ นี่มันเกิน 1 ปี ตามที่สัญญากับตัวเองเอาไว้ ฉันไม่ได้ผิดคำพูดที่สัญญาไว้ แล้วก็เหนื่อยใจแล้ว ไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนหลับ  ใครจะดุ ด่าว่าเกเร ก็ช่าง ฉันก็เป็นแค่คนโง่ๆเองจะเอาอะไรกับความไม่รู้หนักหนา  ****ก็หวังนะ ว่าต่อไปจะไม่มีใครตามแอบมองถึงขนาดเวลาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว