หนึ่งปีผ่านไป ปีที่ผ่านมาแทบจำจดจำอะไรไม่ได้เลย คงเพราะทำตัวไร้สาระไปวันๆหนึ่ง วนเวียนตนเองอยู่ในสังคมโซเชียล ตอนนี้อยากจะลด ละ เลิก แต่ก็น่าหัวร่อ ไม่เห็นมีที่ไปเลยแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าคำพูดนี้สื่อความหมายได้หลายอย่างทีเดียว ปกติเคยคิด พูด ทำอะไรก็ทำไป ปล่อยไปตามสบาย ไม่ต้องมีความรับผิดชอบมากนัก ทำก็ต่อเมื่อเป็นความรับผิดชอบและอยากจะทำด้วยใจเท่านั้น ความสุขเกิดจากการได้ทำในสิ่งที่ตนเองชืานชอบ มีความถนัด และสนุกสนานไปกับมันทุกขณะจิตที่ทำนั่นก็เพียงพอแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อสิ่งใดแล้วตัวเองจะทำได้ประสบความสำเร็จเลย น่าขายหน้า แต่มันเป็นความจริงนี่นา หลายต่อหลายครั้งที่ตั้งรางวัล มีสิ่งของล่อให้อยากทำนี่ นู่น นั่น ไม่เคยเห็นจะทำอะไรสำเร็จสักที มันจะต้องตกม้าตายตอนจบทุกทีเหมือนกัน
แต่ถ้าลองว่าถ้าอยากทำ ฉันก็จะทำแบบไม่ลืมหูลืมตา เหมือนคนบ้าเลย มีหลายคนเคยถามว่าถ้าเลือกได้อยากทำงานกับคนแบบไหน ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นคนช่างเลือกและเลือกที่รักมักที่ชังที่สุด แต่เมื่อต้องวางตัวเป็นกลาง ทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าลองมีเรื่องขัดเคืองใจอะไรขึ้นมา อภัยได้ก็ลืม อภัยไม่ได้ก็ไม่ถึงกับแค้นนะ ปล่อยวางได้ แต่การปฏิบัติตัวต่อกันอย่างที่เคยทำมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง มันเหมือนเป็นความรู้สึก ลองว่าได้แผลรักษาหายมันก็ไม่เหมือนเดิม
บางคนอาจมองว่าเป็นความเครียดแค้น โกรธชัง แต่ฉันมองว่าไม่ใช่ มันกลับเป็นเรื่องของความเต็มใจมากกว่า เหมือนเพื่อนที่เราเคยคบหา ช่วยเหลือกันมา
ถ้าเมื่อเริ่มแรก เราก็้แจก 100 ให้กันไป จากนั้น คะแนนตรงนี้มันก็จะลดลง ๆ ตามลำดับ ของเก่าจะสู้ของใหม่ได้ไง 55
แต่ก็อีกนั่นแหละ บางครั้งการที่เราทุ่มเททำอะไรลงไปแล้วไม่สำเร็จ มันก็ต้องท้อเป็นธรรมดา จากที่เคยรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าก็เลยกลายเป็นเศษกรวด
ก็เลยคิดว่าไม่ทำจะดีกว่า เพราะทำสำเร็จไปก็มีค่าไม่ต่างกัน แต่ถ้าเป็นตัวฉันเองฉันจะทำเเพราะเห็นว่ามันมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่ต้องทำแล้วเป็นคนดีในสายตาคนอื่นหรอกนะ แค่มันพอมีประโยชน์ใช้สอยอยู่ได้บ้างเท่านั้น จบ
-- ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว เริ่มนึกถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ยังนึกไม่ออกเลย ถ้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกไป มันก็จะกลายเป็นคนติดลบ แต่อย่างน้อย
เราต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เฮ้อ ตกลงก็ยังคงคิดไม่ได้ว่าจะทำอะไร ต่อไปในปีใหม่ดี ฉันไม่ชอบการต่อสู้ เพราะถ้าสู้แล้วแพ้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบทำสักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นการรบที่ไม่จบ ไม่เสร็จ มันยิ่งน่าเบื่อ หากยิ่งมีในเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เนืองๆ เราว่าทำไปก็เปลืองตัวเปล่าๆ
มันไม่ทำให้ตัวเรามีคุณค่าขึ้นมา ใช่ เป็นคนไม่แคร์ ไม่แยแสอะไรเลย ถ้าทำก็ทำเต็มร้อย ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำเลย ที่จริงฉันไม่มีตรงกลางนะ สำหรับการใช้ชีวิต จะมีก็แต่ความคิดเห็นนี่เองที่พอจะเป็นกลางหน่อย คงเพราะหนังสือที่ชอบอ่านตอนเป็นเด็ก นั่งเขียนไดอารี่วันนี้ก็เพราะไม่มีอะไรจะทำอยู่นั่นแหละ การจะริเริ่มทำอะไรตอนนี้มันเหมือนไม่มีไฟเอาเสียเลย ยิ่งถ้าทำแล้วต้องเป็นการนำพาตนเองไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ต้องยืมจมูกเขาหายใจ ฉันยิ่งขี้เกียจใหญ่ เกรงว่ามันจะทำคนอื่นให้ลำบากเสียเปล่าๆ มันเป็นความขัดแย้งกันเองภายในตัวฉัน และในปีนี้มันกำลังจะจบลง ปีหน้าไม่ต้องมีหน้าที่ต้องสร้างภาพ
อะไรอีกแล้ว ก็คงจะมีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตบ้าง เปลี่ยนจากสังคมเดิมๆ ความคิดเดิมๆ และคนที่ไม่รู้จัก เป็นเหมือนปลากระโดดลงในบ่อน้ำใหม่
ว่ายไปหาลำธารใสสายเล็กๆข้างหน้า หวังว่าที่นั่นจะยังมีแสงตะวันรอฉันอยู่ สุขสันต์วันปีใหม่ แด่เธอ ...คนในความทรงจำของฉัน
วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ปัญหาน้ำท่วม ปี 2555 ไม่ใช่แค่เล่นๆ
เพื่อความไม่ประมาท...อย่าเชื่อรัฐบาลชุดนี้ เชื่อไม่ได้
ยังไงก็ไม่เชื่อ ไว้ใจไม่ได้สักคน....
กรุงเทพ...ต้องเตรียมพื้นที่รับน้ำเอาไว้ก่อน คือเคลียร์คลองในกรุงเทพให้แห้งกิ๊ก...เลยนะครับ แล้วก็เตรียมพื้นที่ระบายน้ำสำรองไว้ด้วย (ให้นึกถึงพื้นที่คลองส่งน้ำที่มีพื้นที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งข้างบนและฝั่งข้างล่าง ลองนึกดูสิว่ายังมีพื้นที่ไหนที่สามารถรองรับปริมาณน้ำเพิ่มได้บ้าง จากปริมาณน้ำปกติ ให้สำรองพื้นที่ตรงนั้นไว้อย่าให้น้ำเข้าไป แต่เก็บไว้เป็นพื้นที่เผื่อเหลือเผื่อขาดเพื่อรอรับน้ำสำรองที่อาจท่วมเนื่องจากพื้นที่ในกรุงเทพระบายย้ำไม่ทัน)
กรุงเทพ...ต้องเตรียมพื้นที่รับน้ำเอาไว้ก่อน คือเคลียร์คลองในกรุงเทพให้แห้งกิ๊ก...เลยนะครับ แล้วก็เตรียมพื้นที่ระบายน้ำสำรองไว้ด้วย (ให้นึกถึงพื้นที่คลองส่งน้ำที่มีพื้นที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งข้างบนและฝั่งข้างล่าง ลองนึกดูสิว่ายังมีพื้นที่ไหนที่สามารถรองรับปริมาณน้ำเพิ่มได้บ้าง จากปริมาณน้ำปกติ ให้สำรองพื้นที่ตรงนั้นไว้อย่าให้น้ำเข้าไป แต่เก็บไว้เป็นพื้นที่เผื่อเหลือเผื่อขาดเพื่อรอรับน้ำสำรองที่อาจท่วมเนื่องจากพื้นที่ในกรุงเทพระบายย้ำไม่ทัน)
ความหมายของพระราชดำรัส
ท่านให้ระมัดระวังช่วงรอยต่อของคลองภายในกรุงเทพแต่ละคลองว่าความกว้างของคลองมันกว้างเท่าไหร่
กว้างกี่เมตรแล้วก็เปรียบเทียบช่วงรอยต่อดูสิว่าตรงไหนแคบหรือกว้างกว่ากัน เช่นคลองที่ 1 กว้าง 5 เมตร คลองที่ 2 กว้าง 3
เมตร แล้วสองคลองนี้มันต่อกันน้ำไหลมา
มันก็ต้องท่วมพื้นที่ตอนล่างของคลองแน่นอน
วิธีแก้ไม่ให้ท่วม คุณก็ไปเอาเครื่องผลักดันมาตั้งตรงรอยต่อของคลอง
เสร็จแล้วก็ลองคำนวณปริมาณไหลเข้า ไหลออก (จำลองจากโมเดลดูก็ได้) ดูซิว่าความถี่
ความไวของการไหลเป็นเท่าไหร่ (มันมีเครื่องวัดอยู่) ทีนี้ก็มาคำนวณหาค่าชดเชยเอาว่าจะต้องตั้งกี่เครื่อง..ก็คิดจะช่วงกว้าง
2 เมตรที่หายไป จากคลองที่ 1 น้ำไหลเท่าไหล เราก็ลบจาก 3 เมตรของน้ำที่ไหลออกไป
ผลก็จะได้ช่วงกว้างน้ำ ที่ขาดหายไปก็เท่ากับ 2 เมตรของคลองด้านบน
จากนั้นเราก็มาคำนวณกับเครื่องดันน้ำว่ามันดันด้วยความเร็วเท่าไหร่
ได้เท่าไหร่ ก็เทียบบัญญัติไตรยางค์ไป แล้วก็เอาเครื่องไปติดไว้ตรงรอยต่อ
พอน้ำไหลมา ก็ดันให้เร็วขึ้น ....ทางข้างหน้าต้องเป็นอย่างไร ต้องเรียบและโล่ง น้ำจะได้ไปไวไว ( เอาแค่นี้ก่อน
...แค่ว่าน้ำฝนตกลงมาแล้วกทม.เอาอยู่หรือเปล่า
...เพราะว่าน้ำในกทม.เขาถูกแบบไว้ระบายน้ำฝนส่วนเกินที่ท่วมพื้นที่ในกรุงเทพเท่านั้น
(ใช่ไม๊)
**
เขาไม่ได้มีคลองในกทม.ไว้รองรับน้ำจากภาคเหนือที่ไหลบ่าลงมานะครับ
น้ำเหนือเขาออกแบบทางไว้แล้วให้ระบายออกทางด้านข้าง
ก็คือเอาคลองรังสิตทั้งสายเลย เป็นฐาน
ซึ่งเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีการสร้างกำแพงกั้นน้ำกั้นไว้ ประมาณว่ากำแพงกั้นน้ำที่กำลังทำใหม่อยู่ในขณะนี้นั่นเอง
แต่....มีกำแพงชั้นนี้แล้วก็ไม่ได้หมายความว่ากำแพงด้านนอกคุณจะไม่กั้น กำแพงด้านนอกคุณก็ต้องกั้น
เคยวางกระสอบก็ต้องวางกระสอบ (ไปเตรียมมาไว้เลย...กระสอบ อย่างไรก็ต้องได้ใช้
เพราะถ้าคุณไม่มีแผนกั้นน้ำที่เป็นแนววางกระสอบเดิม
แปลว่า...คุณจะปล่อยให้น้ำท่วมข้างนอกเหมือนปีก่อนเด๊ะๆ แต่
เขาได้ทำการกั้นพื้นที่สำคัญๆประเภทที่เป็น นิคมอุตสาหกรรม สถานที่ท่องเที่ยว...ทำหรือยัง มีมาตรการอย่างไร
(ขนของขึ้นที่สูงแล้วจะคนไปไว้ที่ไหน...เอาคนนอนแช่น้ำเหมือนปีก่อน
หรือจะให้เขาอยู่กันอย่างไร จะมีเรือกี่ลำจอดเป็นทางเข้าออกเพื่อการเดินทางกี่ลำคุณก็ว่าไป (ชาวบ้านเขาจะได้เตรียมตัวถูก)
แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ ไปเตรียมพื้นที่คอนโดเอาไว้เลย 1 ชุด เอาสูงๆ
เอาหลายๆห้องด้วย แล้วข้างล่างสักชั้นที่
2 คุณก็เอาสะเบียงไปเก็บสะสมเอาไว้ เตรียมไว้ให้เป็นยุ้งข้าวเลย ถามว่าถ้าน้ำมา
เอาไม่อยู่จริงๆ คุณก็อพยพคนไปอยู่ที่นี่
เตรียมช่องทางการเดินทางไว้ให้เขาแล้วก็ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า...ที่นี่มาอยู่ได้...มาอยู่ได้ถ้าน้ำท่วมบ้าน
ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ก็ให้มาอยู่ที่นี้
...ทำเป็นศูนย์ลี้ภัยเตรียมไว้ไม่เป็นเป็นหรือครับ
(เงินเบิกไปตั้งเยอะ...เอาไปทำอะไรหมด) ทำไมไม่เอาไปซื้อของ พวกที่นอนหมอนมุ้ง เสื้อผ้า (ก็เอาเท่าที่จำเป็น...จะรอของบริจาคอย่างเดียวไม่ได้
เพราะเวลาน้ำมา มันมาเยอะ ประชาชนก็วิ่งหัวชนกัน เจ้าหน้าที่ก็ไม่มี
...งานในส่วนนี้จะไม่มีคนรับผิดชอบ*** ตรงนี้เป็นช่องว่าง
คราวที่แล้วแก้ปัญหาโดยการใช้อาสาสมัคร คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะยังอยู่ที่เดิม รอให้คุณใช้ คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าทรัพยากรจะมีเหมือนเดิม การขนส่ง ปูนทราย มีสแปรไว้แล้วหรือยัง......นี่มันการเตรียมการรองรับน้ำระดับตำนานเลยนะครับ คุณทำเล่นๆได้อย่างไร (ตกกระโหลกแตกดีมั้ย)
คราวที่แล้วแก้ปัญหาโดยการใช้อาสาสมัคร คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะยังอยู่ที่เดิม รอให้คุณใช้ คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าทรัพยากรจะมีเหมือนเดิม การขนส่ง ปูนทราย มีสแปรไว้แล้วหรือยัง......นี่มันการเตรียมการรองรับน้ำระดับตำนานเลยนะครับ คุณทำเล่นๆได้อย่างไร (ตกกระโหลกแตกดีมั้ย)
ลำพังน้ำในกรุงเทพ น้ำท่วมเพราะฝนตกนั้นไม่เท่าไหร่
แต่ถ้ามีน้ำเหนือไหลลงมาทับด้วย ตัวใครตัวมัน ....ช่วยไม่ทันแล้ว นอนแช่น้ำไปได้เลย
เพื่อความปลอดภัย แผนกั้นน้ำต้องเริ่มวางตั้งแต่ก่อนน้ำเข้าอยุธยา
ไปสำรวจคลองดูเอาอยู่หรือเปล่า...ไม่ต้องไปดูก็รู้ เอาไม่อยู่
เพราะน้ำท่วมอยุธยาทุกปี ปีนี้ก็ต้องท่วม
แต่คุณป้องกันได้ ทำไมไม่ป้องกัน คุณลงพื้นที่ คุณไปดูอะไรมาบ้าง
ช่วงรอยต่อของแม่น้ำกับคลองในกรุงศรีอยุธยา ได้ไปสำรวจหรือยัง
มีมาตรการอะไรรองรับบ้าง
ถ้ามีน้ำท่วมจุดหนึ่งภายในกรุง คุณจะระบายน้ำไปทางไหน
...ตอบได้หรือยัง
เพราะว่าต้องไม่ลืมว่าแนวกั้นน้ำตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
จากคันกั้นน้ำของนิคมอุตสาหกรรม ทีนี้ถ้าเอาไม่อยู่
ตัดพื้นที่ตรงอุตสหกรรมออก
น้ำจะมาเยอะกว่าปีก่อนอีก และก็สูงกว่าเดิมด้วย
เพราะอะไร....เพราะพื้นที่รับน้ำที่เคยเป็นนิคมอุตสาหกรรมเดิมที่น้ำเคยเข้าไปท่วมหายไปแล้ว
คุณจะเอาน้ำไปไว้ที่ไหน...จะระบายไปทางไหน จะสูบออกได้ตรงไหน บ้าง...ถ้าตรงนี้ตอบไม่ได้
ก็เสี่ยงนอนในน้ำเข้าไปอีก
...............
...............
ประเด็นสำคัญก็คือแนวคันกั้นน้ำทั้ง 2 ข้าง ทั้งทางฝั่งศิริราช และฝั่งตรงข้าม ปีที่แล้วทำกำแพงกระสอบทรายกี่ชั้น แล้วปีนี้เอากำแพงกระสอบทรายออก แล้วชดเชยด้วยอะไร กำแพงเหล็กเปล่าๆ หรืออะไร ไม่ต้องปูกระสอบแล้วแน่นะ หาญไปหรือเปล่า
ฝั่งตรงข้ามศิริราช วางกำแพงกั้นหรือยัง
สูงกี่เมตร คำนวณความสูงเผื่อปริมาณน้ำเหนือหรือยัง
เพราะเส้นเจ้าพระยานี้ต้องรับน้ำหมดทั้งจากฝั่งตะวันออกที่ไหลลงไปจากทางตอนเหนือ
แล้วปันให้ไหลออกมาทางซีกปทุมธานี
ผ่านคลองรังสิต เส้นนี้ต้องแข็งทั้งเส้น
ถามว่าทำไมต้องวางให้แข็ง เพราะระบบการบริหารจัดการน้ำของคุณเชื่อไม่ได้
เอาแน่อะไรไม่ได้สักอย่าง เลย
ให้การไปคนละทางสองทาง ยังหาจุดเชื่อมโยงทางน้ำไม่เจอเลย ถามว่ารู้ได้อย่างไร
ตอบว่ารู้ได้เพราะน้ำคุณไหลไม่มีความต่อเนื่อง
น้ำทุกวันนี้ที่ไหลจากเหนือลงไม่เป็นสาย
แต่จะกลายเป็นน้ำบ่า คือไหลมาเป็นหน้ากระดาน ไหลมาเป็นผืนๆ
แล้วถ้าน้ำส่วนนี้มาเจอกับน้ำในทุ่งที่คั่งอยู่เพราะน้ำฝน............อีก
เป็นอันจบข่าว หมดทางไป
ถามว่ารู้ได้อย่างไร
รู้จากข่าวภัยแล้งของคุณที่รายงานออกมาในแต่ละพื้นที่ไงครับ มันฟ้องว่าระบบชลประทานคุณไม่ดี ไม่มีมาตรฐาน
ไม่มีระบบชดเชยการส่งน้ำเลย
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่น้ำล่างแห้ง แต่น้ำท่วมไหลมารวมกันตรงกลาง
แล้วบอกน้ำแล้งอยู่ตรงปลาย
...........รายงานอย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ ฟังรายงานข่าวจากพื้นที่น้ำแล้ง
ก็รู้แล้วว่าโกหก...เพราะมีน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ แต่พอมาถึงช่วงปลายน้ำหรือตอนเหนือ แถบ
พิษณุโลก ข้ามมาฝั่งสุรินทร์ ศรีษะเกต
........ภาพมันบอกว่าคุณไม่ได้มีการระบายน้ำแบบคลองส่งคลอง หรือที่เราเรียกว่าคลองโยงน้ำ
เพราะถ้ามีระบบไหลตัวนี้รองรับน้ำอยู่ปัญหาน้ำแล้งจะต้องไม่มี ...แต่นี้มีทั้งที่น้ำในเขื่อนแห้งเกือบสนิท
แปลว่าคุณปล่อยน้ำออกหมด ไม่มีกักเก็บไว้ในระบบที่เป็นคลองส่งน้ำ ที่ทำไว้เป็นลำคลองสายเล็กๆ
ไม่มีแน่นอน
***คำถามคือน้ำท่วมแล้วน้ำหายไปไหน ............นี่สิข้อสงสัย ว่าน้ำหายไปไหน น้ำไม่ได้ไหลลงทะเล ไม่ได้อยู่ในแม่น้ำ ไม่ได้อยู่ในทุ่ง แล้วน้ำหายไปไหน เขื่อนก็ไม่มีน้ำ ถ้าน้ำไหลลงแม่น้ำมันก็ต้องไหลผ่านลำคลอง ไหลผ่านห้วยหนองคลองบึง แต่นี้น้ำหายไปเฉยๆ น้ำหายไปไหน ...สันนิษฐานได้ทางเดียวคือระบบส่งน้ำของคุณไม่มีความเชื่อมโยง มั่นใจ...ต้องมีบางจุดที่น้ำไหลออกทะเลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นรายงานน้ำฝนจะต้องไม่ออกมาเป็นอย่างนี้...................ต้องมีคนโกหก 100 %
***คำถามคือน้ำท่วมแล้วน้ำหายไปไหน ............นี่สิข้อสงสัย ว่าน้ำหายไปไหน น้ำไม่ได้ไหลลงทะเล ไม่ได้อยู่ในแม่น้ำ ไม่ได้อยู่ในทุ่ง แล้วน้ำหายไปไหน เขื่อนก็ไม่มีน้ำ ถ้าน้ำไหลลงแม่น้ำมันก็ต้องไหลผ่านลำคลอง ไหลผ่านห้วยหนองคลองบึง แต่นี้น้ำหายไปเฉยๆ น้ำหายไปไหน ...สันนิษฐานได้ทางเดียวคือระบบส่งน้ำของคุณไม่มีความเชื่อมโยง มั่นใจ...ต้องมีบางจุดที่น้ำไหลออกทะเลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นรายงานน้ำฝนจะต้องไม่ออกมาเป็นอย่างนี้...................ต้องมีคนโกหก 100 %
.......................................................................................................
แผนการระบายน้ำออกทะเลที่ขอนำเสนอ ก็คือใช้ 3 ช่องทางน้ำโดยกระจายน้ำเหนือให้ไหลแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งตะวันออก ลงแม่น้ำท่าจีน ที่ ฉะเชิงเทรา โดยไหลน้ำออกไปจากเส้นน้ำเหนือตอนกลาง ที่ไหลลงมารวมกันที่คลองรังสิตทั้งสาย ผ่านเข้าเส้นทางคลอง 3 วา 6 วา ตัดเข้าเส้นหนองจอก ให้น้ำไปไหลออกทางฝั่งตะวันออก คือไหลลงแม่น้ำบางปะกง ส่วนหนึ่ง
ตามเส้นทางนี้นะครับ
ระบบทางน้ำในกทม.ปทุมธานี
ระบบการชลประทานในกทม.และปริมณฑล
แผนการระบายน้ำออกทะเลที่ขอนำเสนอ ก็คือใช้ 3 ช่องทางน้ำโดยกระจายน้ำเหนือให้ไหลแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งตะวันออก ลงแม่น้ำท่าจีน ที่ ฉะเชิงเทรา โดยไหลน้ำออกไปจากเส้นน้ำเหนือตอนกลาง ที่ไหลลงมารวมกันที่คลองรังสิตทั้งสาย ผ่านเข้าเส้นทางคลอง 3 วา 6 วา ตัดเข้าเส้นหนองจอก ให้น้ำไปไหลออกทางฝั่งตะวันออก คือไหลลงแม่น้ำบางปะกง ส่วนหนึ่ง
ตามเส้นทางนี้นะครับ
ระบบทางน้ำในกทม.ปทุมธานี
ระบบการชลประทานในกทม.และปริมณฑล
ถ้าพิจารณาจากแผนที่ทางน้ำซึ่งแสดงถึงแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งไหลผ่านใจกลางกรุงเทพมหานคร
หรือถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะบอกว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่าง กทม.และกรุงธนบุรี
ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำท่าจีน
ซึ่งแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดอุทัยธานีไหลผ่านจังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี
นครปฐม และออกทะเลที่จังหวัดสมุทรสาคร
อาจเรียกชื่อต่างๆกันตามทางจังหวัดที่แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านเมื่อไหลผ่าน
มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 325 กม.
ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำบางปะกง
ซึ่งกำเนิดจากแม่น้ำนครนายกและแม่น้ำปราจีนบุรีไหลมาบรรจบกันที่จังหวัดปราจีนบุรี
ไหลผ่านจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา มีความยาวทั้งหมด 230 กม.
จากแผนที่ข้างต้น ในเขตกทม.และปริมณพลจะมีคลองหลักๆจำนวนมาก ที่ได้ยินกันเกือบทุกวัน เช่น
ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา กทม.-
ฉะเชิงเทรา, กทม.- สมุทรปราการ
ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกง มี คลองแสนแสบ คลองประเวศน์บุรีรมย์
คลองสำโรง มีลักษณะทางกายภาพเกือบคู่ขนานกัน
ระหว่างคลองทั้งสามมีคลองเล็กๆขุดเชื่อมต่อเพื่อประโยชน์การระบายน้ำมากมาย
ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ตั้งแต่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กทม. และสมุทรปราการ มีคลองสำคัญๆ คือ คลองพระยาบรรลือ คลองพระพิมล คลองทวีวัฒนา คลองมหาสวัสดิ์ คลองภาษีเจริญ คลองมหาชัย คลองสรรพสามิต คลองสหกรณ์
แผนที่คูคลองในจังหวัดปทุมธานี
ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ส่วนจังหวัดปทุมธานี-ฉะเชิงเทรา มีคลองระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำนครนายก
แม่น้ำบางปะกง มี คลองเชียงรากน้อย คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองหกวา คลองระพีพัฒน์
มี คลอง 1- คลอง 17 ขุดเชื่อมต่อระหว่างคลองระพีพัฒน์ คลองรังสิต และคลองหกวา
เหตุผล เพราะ ในส่วนนี้ ปีที่แล้วมีปัญหา 2-3 ข้อ แต่เป็นจุดอ่อนสำคัญทั้งหมดที่ทำให้น้ำล้อมกรุง ไล่ตั้งแต่ คันกั้นน้ำฝั่งกรุงเทพมหานคร ที่เป็นรอยต่อเชื่องระหว่าง คลอง 3 วา 6 วา ตอนล่าง ปีที่แล้วมีน้ำรั่วเข้ามาตลอดแนว ทำให้น้ำที่ควรไหลออกไปทางฝั่งทิศตะวันออก ที่ควรไปออกที่แม่น้ำบางปะกง ไหลวกกลับเข้ามาท่วมกรุงทพฝั่งแถบบางนา หนองจอก ทั้งแถบ
ซึ่งแต่เดิม พื้นที่ว่างตรงนี้มีโอกาสน้ำท่วมจากน้ำล้นจากคันกั้นน้ำแถบล่าง(เป็นช่วงน้ำไหลลงโค้งพอดี—จากแผนที่ ดังนั้นช่วงรอยหักตรงนี้เป็นรอยต่อสำคัญที่ต้องเอาเครื่องสูบและเครื่องดันน้ำไปตั้งไว้ในพื้นที่ให้ทำงานสลับกัน คือ ติดตั้งเพื่อจุดประสงค์ 1)ให้มีการผลักดันน้ำออกสู่ทะเล ให้เร็วและมากที่สุด 2) และรองรับสูบน้ำส่วนเกินที่ไหลรอดเข้ามาจากรอยรั่วบริเวณคันกั้นน้ฟันหลอ ในจุดต่างๆ ตรงส่วนนี้ แต่ตรงนี้สำคัญที่ตัวคันกั้นน้ำ ต้องระวังไม่ให้มีรอยรั่ว ไม่งั้นน้ำตรงนี้จะไหลเข้าท่วมกรุงเทพฝั่งตะวันออก พอป้องกันตรงนี้เสร็จแล้วก็ใช้วิธีบังคับด้วยแนวคันกั้นน้ำที่สร้างใหม่ เอาเป็นฐานรับน้ำตอนล่าง แล้วก็ปล่อยน้ำให้ไหลออกที่แม่น้ำบางปะกงกับแม่น้ำท่าจีน
(โดยไม่ให้น้ำไหลวกกลับมาท่วมกรุงเทพฝั่งตะวันออกด้านใน ไล่ตั้งแต่ ดอนเมือง สายไหม รามอินทรา มีนบุรี หนองจอก บางนาตราด-แถบลาดกระบัง ...ตรงนี้ก็จะไม่ท่วม ปีที่แล้วน้ำเข้าจุดนี้
เหตุผล เพราะ ในส่วนนี้ ปีที่แล้วมีปัญหา 2-3 ข้อ แต่เป็นจุดอ่อนสำคัญทั้งหมดที่ทำให้น้ำล้อมกรุง ไล่ตั้งแต่ คันกั้นน้ำฝั่งกรุงเทพมหานคร ที่เป็นรอยต่อเชื่องระหว่าง คลอง 3 วา 6 วา ตอนล่าง ปีที่แล้วมีน้ำรั่วเข้ามาตลอดแนว ทำให้น้ำที่ควรไหลออกไปทางฝั่งทิศตะวันออก ที่ควรไปออกที่แม่น้ำบางปะกง ไหลวกกลับเข้ามาท่วมกรุงทพฝั่งแถบบางนา หนองจอก ทั้งแถบ
ซึ่งแต่เดิม พื้นที่ว่างตรงนี้มีโอกาสน้ำท่วมจากน้ำล้นจากคันกั้นน้ำแถบล่าง(เป็นช่วงน้ำไหลลงโค้งพอดี—จากแผนที่ ดังนั้นช่วงรอยหักตรงนี้เป็นรอยต่อสำคัญที่ต้องเอาเครื่องสูบและเครื่องดันน้ำไปตั้งไว้ในพื้นที่ให้ทำงานสลับกัน คือ ติดตั้งเพื่อจุดประสงค์ 1)ให้มีการผลักดันน้ำออกสู่ทะเล ให้เร็วและมากที่สุด 2) และรองรับสูบน้ำส่วนเกินที่ไหลรอดเข้ามาจากรอยรั่วบริเวณคันกั้นน้ฟันหลอ ในจุดต่างๆ ตรงส่วนนี้ แต่ตรงนี้สำคัญที่ตัวคันกั้นน้ำ ต้องระวังไม่ให้มีรอยรั่ว ไม่งั้นน้ำตรงนี้จะไหลเข้าท่วมกรุงเทพฝั่งตะวันออก พอป้องกันตรงนี้เสร็จแล้วก็ใช้วิธีบังคับด้วยแนวคันกั้นน้ำที่สร้างใหม่ เอาเป็นฐานรับน้ำตอนล่าง แล้วก็ปล่อยน้ำให้ไหลออกที่แม่น้ำบางปะกงกับแม่น้ำท่าจีน
(โดยไม่ให้น้ำไหลวกกลับมาท่วมกรุงเทพฝั่งตะวันออกด้านใน ไล่ตั้งแต่ ดอนเมือง สายไหม รามอินทรา มีนบุรี หนองจอก บางนาตราด-แถบลาดกระบัง ...ตรงนี้ก็จะไม่ท่วม ปีที่แล้วน้ำเข้าจุดนี้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม...
งบประมาณที่กู้ไป รัฐบาลน่าจะแบ่งมาซื้อเครื่องสูบน้ำติดตั้งไว้บริเวณปลายคลอง ปลายแม่น้ำ
และถ้าเป็นพื้นที่บริเวณปลายน้ำก็ควรเอาเครื่องสูบกับเครื่องดันไปติดตั้ง ในกรณีถ้าคิดว่าเอาอยู่ เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่เขาทำนากุ้ง แถบชายทะเล ตรงนี้ ได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาน้ำกร่อยเนื่องจากน้ำเหนือซึ่งเป็นน้ำจืดไหลมารวมกันกับน้ำทะเล แถบจังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย สมุทร...ทั้งหลาย พอน้ำลง น้ำทะเลไม่หนุน ก็รีบผลัก และสูบออก น้ำจะได้ไม่ขังอยู่ในทุ่ง อย่างเช่นเป็นรอยต่อจากนครปฐมก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น้ำเหนือจะมาตลบจากทางด้านหลังได้ ก็ใช้วิธีเดียวกันป้องกัน
ในปีที่แล้วน้ำท่วมตรงนี้ถ้าติดตั้งแบบนี้ไว้ก็บรรเทาความเสียหายได้เยอะ
****
ศักยภาพการระบายน้ำออกสู่ทะเลถ้าดูศักยภาพการระบายน้ำข้อมูลพื้นฐานจริงๆ จะเห็นว่าทิศตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จากพื้นที่ปทุมธานีถึงสมุทรปราการสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ประมาณ 26 ล้านลบ.ม.ต่อวัน และสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกงได้ประมาณ 21 ล้านลบ.ม.ต่อวัน และสามารถผันน้ำออกสู่อ่าวไทยโดยตรงได้ประมาณวันละ 25 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนทิศตะวันตกสามารถระบายลงสู่แม่น้ำท่าจีนได้วันละ 32.18 ล้านลบ.มต่อวัน (มติชน) แต่ในเชิงปฏิบัติจริงจะได้เท่าไรนั้นคงต้องดูปริมาณน้ำทั้งหมด และพิจารณาว่าควรจะผันน้ำออกที่บริเวณใดจึงจะทำให้น้ำออกสู่ทะเลได้เร็วที่สุดและสามารถลดแรงดันน้ำต่อกำแพงสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
งบประมาณที่กู้ไป รัฐบาลน่าจะแบ่งมาซื้อเครื่องสูบน้ำติดตั้งไว้บริเวณปลายคลอง ปลายแม่น้ำ
และถ้าเป็นพื้นที่บริเวณปลายน้ำก็ควรเอาเครื่องสูบกับเครื่องดันไปติดตั้ง ในกรณีถ้าคิดว่าเอาอยู่ เพื่อช่วยให้เกษตรกรที่เขาทำนากุ้ง แถบชายทะเล ตรงนี้ ได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาน้ำกร่อยเนื่องจากน้ำเหนือซึ่งเป็นน้ำจืดไหลมารวมกันกับน้ำทะเล แถบจังหวัดที่ขึ้นต้นด้วย สมุทร...ทั้งหลาย พอน้ำลง น้ำทะเลไม่หนุน ก็รีบผลัก และสูบออก น้ำจะได้ไม่ขังอยู่ในทุ่ง อย่างเช่นเป็นรอยต่อจากนครปฐมก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น้ำเหนือจะมาตลบจากทางด้านหลังได้ ก็ใช้วิธีเดียวกันป้องกัน
ในปีที่แล้วน้ำท่วมตรงนี้ถ้าติดตั้งแบบนี้ไว้ก็บรรเทาความเสียหายได้เยอะ
****
ศักยภาพการระบายน้ำออกสู่ทะเลถ้าดูศักยภาพการระบายน้ำข้อมูลพื้นฐานจริงๆ จะเห็นว่าทิศตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จากพื้นที่ปทุมธานีถึงสมุทรปราการสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ประมาณ 26 ล้านลบ.ม.ต่อวัน และสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกงได้ประมาณ 21 ล้านลบ.ม.ต่อวัน และสามารถผันน้ำออกสู่อ่าวไทยโดยตรงได้ประมาณวันละ 25 ลบ.ม.ต่อวัน ส่วนทิศตะวันตกสามารถระบายลงสู่แม่น้ำท่าจีนได้วันละ 32.18 ล้านลบ.มต่อวัน (มติชน) แต่ในเชิงปฏิบัติจริงจะได้เท่าไรนั้นคงต้องดูปริมาณน้ำทั้งหมด และพิจารณาว่าควรจะผันน้ำออกที่บริเวณใดจึงจะทำให้น้ำออกสู่ทะเลได้เร็วที่สุดและสามารถลดแรงดันน้ำต่อกำแพงสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ทีนี้มาเจาะเส้นทางระบายน้ำฝั่งตะวันตก
เส้นแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นนี้จะรับน้ำ เส้นคลองเปรม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)